นายกรัฐมนตรีเปิดงานเทศกาลประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา จ.อุบลราชธานี ประจำปี 2561 “ฮีตศรัทธา ราชธานีแห่งเทียน” อ้อนชาวอีสานฝากหัวใจของทหารและรัฐบาลไว้กับพวกเราทุกคนด้วย เพราะทุกคนคือลูกหลาน
วันที่ 24 ก.ค. 2561 วานนี้เวลา 18.50 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานเทศกาลประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2561 “ฮีตศรัทธา ราชธานีแห่งเทียน” ณ ลานเทียน มณฑลพิธีทุ่งศรีเมือง และร่วมกิจกรรมงาน “ชื่นสุขี ศรีวนาลัย” ณ ลานขวัญเมือง โดยนายกรัฐมนตรีได้สักการะอนุสาวรีย์พระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง) หรือท้าวคำผง ซึ่งเป็นแม่ทัพคนสำคัญของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นผู้ประสานสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างหัวเมืองอีสานกับกรุงเทพมหานคร พร้อมถวายผ้าอาบน้ำฝน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดงานและทักทายประชาชนว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาร่วมเปิดงานเทศกาลประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาและพบปะกับประชาชนชาวอุบลราชธานี ได้มาเห็นวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นที่สวยงาม อันเป็นมรดกที่ทรงคุณค่าที่พวกเราจะช่วยกันรักษาและสืบสานให้คงอยู่ต่อไป ประเพณีแห่เทียนพรรษาเป็นประเพณีที่สืบทอดมานานกว่า 100 ปี จึงถือเป็นงานประจำจังหวัดที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นการแสดงออกถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นได้ชัดเจนและมีเอกลักษณ์ เป็นการเปิดโอกาสให้คนในชุมชนมารวมตัวกันทำกิจกรรมอย่างสร้างสรรค์ และสร้างความสุขให้กับคนในจังหวัดและผู้มาเยือนได้อย่างดี รวมทั้งเสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในชุมชนตั้งแต่การหล่อเทียน การแกะสลัก ซึ่งเป็นการร่วมมือกันทำงาน ตลอดจนเป็นการช่วยอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมที่งดงามให้คงอยู่คู่บ้านคู่เมือง พร้อมทั้งเผยแพร่ความรู้ด้านการหล่อเทียน การแกะสลักไปสู่รุ่นลูกหลาน และส่งออกไปสู่สายตาของสาธารณชนทั้งภายในประเทศและชาวต่างชาติอย่างน่าสนใจ
“รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยเฉพาะวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและโดดเด่น ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้ได้มาสัมผัสบรรยากาศของเทศกาลประจำปีของจังหวัดที่ตระการตา ทำให้ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และยังเป็นการเสริมสร้างรายได้ให้กับจังหวัด ที่จะรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวในจำนวนที่มากขึ้น โดยมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ให้ความสนใจอย่างมาก ซึ่งจะสามารถพัฒนาต่อยอดการท่องเที่ยวของจังหวัดและประเทศไทยให้มีศักยภาพที่ดียิ่งขึ้นต่อไป ทั้งนี้ อยากให้การจัดงานเทศกาลประเพณีประจำจังหวัดเช่นนี้เกิดขึ้นในทุกจังหวัด โดยการนำเอกลักษณ์ในท้องถิ่นของจังหวัดตนเองมาสร้างสรรค์และจัดเป็นกิจกรรม เพื่อจะได้เป็นการเผยแพร่จังหวัดให้เป็นที่สนใจ และสามารถสร้างความแตกต่าง ให้นักท่องเที่ยวมีความสนใจ ซึ่งจะเป็นการยกระดับการพัฒนาการท่องเที่ยวในต่างจังหวัด ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
จากนั้นนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีได้นั่งรถสามล้อเยี่ยมชมกิจกรรมงาน “ชื่นสุขี ศรีวนาลัย” ณ ลานขวัญเมือง หน้าโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช (หลังเก่า) ซึ่งเป็นการจำลองบรรยากาศย้อนอดีตอย่างมีสไตล์กับศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นอุบล และแต่งกายย้อนยุคอีสานบ้านเฮา
กราบพระอัฐิธาตุ “หลวงปู่ชา” อ้อนชาวบ้านฝากหัวใจทหารด้วย
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีได้เดินทางไปที่วัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เพื่อเข้ากราบสักการะพระอัฐิธาตุของพระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) พร้อมทั้งนมัสการพระราชภาวนาวิกรม (หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง และเจ้าอาวาสวัดสาขาวัดหนองป่าพง พระลูกศิษย์ของหลวงปู่ชา พร้อมกันนี้นายกฯ ได้ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระภิกษุ และรับฟังธรรมเทศนาจากเจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง โดยเจ้าอาวาสได้ให้พรนายกฯ ตอนหนึ่งว่า ขออนุโมทนาให้นายกฯ สมดั่งเจตนา บารมี พระศรีรัตนตรัยปกป้องคุ้มครองให้นายกฯ มีสุขภาพร่างกายที่เข้มแข็งและแข็งแรงเป็นที่พึ่งของประชาชน และทำให้เกิดความสงบสุขต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลพยายามทำทุกอย่างให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เราไม่สามารถทำอะไรอย่างผลีผลาม ถือว่าสิ่งที่ทำวันนี้ จะเป็นมงคลให้กับตนและคณะ ในวันที่ 24 ก.ค.จะประชุม ครม.สัญจร จะพิจารณาโครงการของ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง จะพิจารณาให้ตามความเหมาะสม เพราะไม่สามารถให้อะไรใครได้ ต้อง พิจารณาตามหลักการ แต่เชื่อมั่นว่าจะทำให้เกิดความยั่งยืนในพื้นที่อีสาน จึงขอฝากเอาหัวใจของทหารและรัฐบาลไว้กับพวกเราทุกคนด้วย เพราะทุกคนคือลูกหลาน ไม่มีใครเป็นศัตรูกัน เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น วันนี้เราต้องเดินไปข้างหน้าพร้อมๆ กันขออนุโมทนาบุญให้พระได้ปกปักรักษาพวกเราทุกคน
จากนั้นเดินทางไปที่สวนพฤกษศาสตร์ดงฟ้าห่วน จ.อุบลราชธานี เพื่อปลูกต้นรวงผึ้ง มีนักเรียนโรงเรียนนารีนุกูล และกลุ่มจักรยาน จ.อุบลฯ คอยต้อนรับ นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้มีคนพูดว่านายกฯ มาจะได้งบฯ เท่าไหร่ ต้องบอกว่าไม่ได้มาจับสลากหวย ต้องเอาโครงการมาดูว่าบางเรื่องอยู่ในแผนจะพิจารณาว่าโครงการใดควรทำเมื่อไหร่ เรื่องใดยังไม่จำเป็นให้นำกลับไปก่อน และการลงพื้นที่ไม่ได้มาเพื่อทำให้คนรัก เพราะถึงไม่รักก็มา ไม่ต้องการให้ใครรักแต่ขอให้ทุกคนรักแผ่นดินของตัวเองก็พอ
“เราเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกร ทำอย่างไรจึงจะลดหนี้สินของชาวนาได้ โดยเจรจาต่อรองลดจำนวนหนี้ ต้อง มาดูว่าทำอย่างไรชาวนาจะไม่ขายที่ มีต้นทุนเพาะปลูกลดลง รวมทั้งการตลาดค้าขาย อย่าทำลายโอกาสของเราด้วยความขัดแย้ง ส่วนการขึ้นค่าแรงอยากขึ้น ถ้าการค้าดีขึ้น แต่ต้องดูความเหมาะสมด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม คนที่รายได้น้อยต้องได้รับการดูแลก่อน ส่วนที่วิจารณ์ว่าจะต่ออำนาจ จะขยายเวลาต่อ ถามว่าตนได้อะไรกลับมา ทำไมต้องให้คนมาด่า”
นายกฯ กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมา ที่ทรมานเพราะอ่านหนังสือพิมพ์และดูโทรทัศน์ วันนี้เลิกอ่านแล้ว ใครด่าก็ชกปากแล้ว ผมไม่เคยทำร้ายใคร ก็มีสิทธิ์ไม่ให้ใครมาเหยียบย่ำได้ “นายกฯกล่าวยิ้มๆทีเล่นทีจริง และเรื่องที่ว่าใครดูด ถามว่าใครมาดูดใคร ไปพรรคอะไรมันเรื่องของท่าน จะไปดูดอะไร เพราะวันนี้ประชาชนจะเลือกเอง ต้องเลือกคนดีๆเลือกแบบเดิมทุกอย่างก็ตาย วันนี้ใครเกลียดตนไม่ชอบตน ขอให้เลิกอ่านหนังสือพิมพ์สัก 5 วันแล้วจะรักตนขึ้นอีกหน่อย ไม่เคยเกลียดใคร ที่ผ่านมาเป็นทหารมา 40 ปี มาได้ถึงวันนี้ไม่ได้ไขว่คว้ามา แต่จำเป็นต้องมา วันหน้าใครทำดีกว่านี้ก็แล้วแต่ อยู่ที่ประชาชนจะเรียกหา พยายามทำเต็มที่ ไปไหนก็ไหว้พระอธิษฐานให้คนไทยตลอด ไม่ได้ให้ตัวเอง
อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์ : workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว
ยูทูบ: workpoint news
ทวิตเตอร์: workpoint news
อินสตาแกรม: workpointnews