เกาะติดสถานการณ์น้ำเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่วางแผนตัดน้ำก่อนเข้าเขื่อนเพชร ก่อนวันที่ 10 ส.ค. คาดตัวเมืองเพชรบุรี ต้องเจอน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตรไม่เกิน 2 สัปดาห์
วันที่ 6 ส.ค. เวลา 13.00 น. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินเหนือเขื่อนเพชร จุดแรกที่จะรับน้ำจากเขื่อนแก่งกระจาน และรับฟังบรรยายสรุปการจัดการน้ำ
จากนั้นเวลา 14.20 น. พล.อ.ฉัตรชัย ให้สัมภาษณ์ว่า จากการติดตามน้ำในเขื่อนแก่งกระจาน มีระดับสูงกว่าขอบสปิลเวย์ 3 เซนติเมตร และต่ำกว่าสันเขื่อน 6-8 เมตร โดยมีปริมาณน้ำเต็มความจุ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกรมชลประทาน ยืนยันว่า แม้น้ำจะมีปริมาณมากแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเขื่อน โดยน้ำที่ไหลออกจากเขื่อนแก่งกระจาน จะไปที่เขื่อนเพชร ก่อนไหลเข้าพื้นที่ อ.บ้านลาด, อ.บ้านแหลม และเข้าสู่ตัวเมืองเพชรบุรี

(เขื่อนเพชร จุดแรกรับน้ำล้นจากเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี )
อย่างไรก็ตามได้วางแผนระบายน้ำจากเขื่อนแก่งกระจาน ด้วยการ “ตัดน้ำ” ก่อนเข้าเขื่อนเพชร โดยคาดการณ์ว่า วันศุกร์ที่ 10 ส.ค. จะมีปริมาณน้ำมากที่สุด คือ 240-260 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีในกรณีที่ยังไม่มีฝนตกมาเพิ่ม เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานจะตัดน้ำเข้าคลองชลประทานซ้าย-ขวา และคลอง D 9 ที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้ขยายไว้เมื่อปีที่แล้วให้น้ำลดลง 90 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ให้เหลือเข้าเขื่อนเพชร 140-160 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หากเป็นไปตามแผนนี้ จะมีน้ำไหลผ่านแม่น้ำเพชรถึงตัวเมืองเพชรบุรีเฉลี่ยที่ความสูง 50 เซนติเมตร ไม่เกิน 2 สัปดาห์และจะลดลงตามลำดับ
https://www.facebook.com/NewsWorkpoint/videos/1901453843226272/
ขณะที่ วันนี้ได้สั่งให้ทหารไปขุดลอกคูคลองที่บ้านแหลมก่อนลงอ่าวไทยเพิ่มเติม รวมทั้งให้ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกสำรวจเส้นทางเพื่อระบายน้ำออกไปให้มากที่สุดด้วย ก่อนที่ 3-4 วันข้างหน้าที่จะมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เข้าอ่าวไทย ซึ่งอาจทำให้มีน้ำเข้ามาเพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ พล.อ.ฉัตรชัย ยืนยันด้วยว่า รัฐบาลมีการวางแผนระบายน้ำทุกเขื่อนทั่วประเทศไทยแล้ว แต่น้ำที่เขื่องแก่งกระจานปีนี้มาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ขอบคุณภาพ : ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
น้ำล้นสปิลเวย์ ! เขื่อนแก่งกระจาน คาดไม่เกิน 4 ทุ่ม ถึงเขื่อนเพชร
ปภ.เผย 10 จังหวัด ยังเผชิญน้ำท่วม เดือดร้อนกว่า 5 หมื่นครัวเรือน