อ่างทองอ่วม ! ชาวโผงเผงต้องอพยพหนี หลังจากระดับน้ำท่วมสูงเข้าบ้าน

ประเด็นคือ – น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ลอดใต้คันเขื่อนเข้าไปในหมู่บ้านในพื้นที่หมู่ที่ 7 และ 8 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ทำให้หลายครอบครัวต้องอพยพหนี เพราะน้ำเข้าท่วมภายในที่บ้าน จนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ 

วันที่ 14 ต.ค. 60 สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดอ่างทองยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงมีมากและเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมากและขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ

โดยเมื่อช่วงเย็นเมื่อวานที่ผ่านมา (13 ต.ค.) น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ลอดใต้คันเขื่อนเข้าไปในหมู่บ้านในพื้นที่หมู่ที่ 7 และ 8 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ซึ่งมีพื้นที่อยู่ติดกับริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จนชาวบ้านต้องออกมาช่วยกันกรอกทรายใส่กระสอบเพื่อนำไปอุดบริเวณที่น้ำลอดออกมา ก่อนที่จะใช้เครื่องสูบน้ำมาช่วยสูบน้ำออกไป

และที่บริเวณหมู่ที่  ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ประชาชนยังคงได้รับความเดือดร้อนหนัก เนื่องจากน้ำได้เพิ่มปริมาณสูง ทำให้น้ำเข้าท่วมพื้นบ้านชั้นบนจนหมด ชาวบ้านต้องอพยพหนีน้ำออกมาข้างนอก เพราะน้ำท่วมพื้นบนบ้านแล้ว ทำให้พักอาศัยอยู่ไม่ได้

จากการสอบถามนางเล็ก ชมยง อายุ 88 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/2 หมู่ที่ 5 ต.โผงเผง อป่าโมก จ.อ่างทอง กล่าวว่า ที่บ้านของตนนั้นน้ำท่วมพื้นบ้านชั้นบนไปจนพักอาศัยไม่ได้แล้ว ในวันนี้ต้องร่วมกับลูกหลาน ช่วยกันขนของใส่เรือแล้วเอามาไว้บนถนน ซี่งตอนแรกตนก็ย้ายขึ้นที่สูงไว้ แต่ตอนหลังนี่ไม่รู้จะขยับไปทางไหน จึงต้องขนออกมาไว้ข้างนอก นี่ตนก็เริ่มขนของตั้งแต่เช้า ยังไม่หมดเลย

ด้านนางศิริพร  หอมบุบผา อายุ 59 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกน้ำท่วมขึ้นไปบนบ้าน กล่าวว่า บ้านของตนถึงแม้จะเป็นบ้านทรงไทยที่มีใต้ถุนสูง แต่ก็ไม่วายที่จะเดือดร้อน เนื่องจากตอนนี้น้ำขึ้นมาท่วมบนพื้นบ้านชั้นบนแล้ว ตนขยับของหลายรอบแล้ว จนตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ต้องขนออก เพราะน้ำมีเเนวโน้มสูงขึ้นอีกทุกวัน เสื้อผ้าที่ห้อยเอาไว้ก็ต้องขนออกหมด เพราะขยับไปทางไหนไม่ได้แล้ว

สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ล่าสุดะดับน้ำบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอยู่ที่ 8.75 เมตร สูงกว่าระดับวิกฤติ 0.09 เมตร / ปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดอ่างทองอยู่ที่ 2,550 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 70 ลบ.ม./วินาที รวมบ้านเรือนราษฏรได้รับผลกระทบทั้งสิ้น  5 อำเภอ  จำนวน 1,817 ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับผลกระทบ จำนวน 6,017  ไร่ เกษตรกรเดือดร้อน 553 ราย