SHARE

คัดลอกแล้ว

ตำรวจเร่งสืบสวนหาตัวหนุ่มนักไวโอลินดังชาวเมียนมา หายตัวปริศนาไปจากที่พักกลางกรุงนานกว่า 10 วันแล้ว เชื่อไม่น่าเป็นการจับตัวเรียกค่าไถ่ ขณะที่เกรงว่าคู่หมั้นสาวอาจถูกขบวนการค้ามนุษย์จับไปใช้แรงงาน

จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา น.ส.มินต์ ออนมาร์ (Myint Ohnmar) อายุ 39 ปี ชาวเมียนมา เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ว่า คู่หมั้น คือ นายเนียน จัน อู (Nyein Chan Oo) อายุ 39 ปี ชาวเมียนมา ซึ่งเป็นนักไวโอลินชื่อดังของประเทศ และเป็นหลานชายแท้ๆ ของนาย อู จอ ซาน สมาชิกสภาชาติพันธุ์แห่งเมียนมา และอดีตอธิบดีกรมอัยการของเมียนมา ได้หายตัวไปจากที่พักอย่างลึกลับย่านรัชดาภิเษก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 61

https://www.youtube.com/watch?v=kbReRXksKwU

คืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 ส.ค. 61 ที่ สน.สุทธิสาร พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น.เดินทางมาประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

ด้าน พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานไปยังหน่วยงาน บช.ทท. บช.สตม.และ สน.ต่าง ๆ ให้ร่วมตรวจสอบหาผู้สูญหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นไว้หลายประเด็น ประกอบด้วยผู้สูญหายอาจเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล  แต่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ เนื่องจากไม่พกหนังสือเดินทาง จึงเป็นเหตุให้ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ทั้งนี้ได้ประสานให้โรงพักต่างๆ ช่วยกันสอบถามทางโรงพยาบาล ว่ามีผู้ป่วยซึ่งมีรูปพรรณสัณฐานใกล้เคียงกับผู้สูญหายหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบกับทางสถานีตำรวจหลายแห่งว่ามีการจับกุมตัวต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองหรือไม่

พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้รับข้อมูลว่าผู้สูญหายพูดภาษาไทยไม่ได้ พูดได้แต่ภาษาเมียนมา ส่วนภาษาอังกฤษนั้นพอได้แต่ไม่ดีมากนัก ส่วนการสอบปากคำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมดิเอมเมอรัลด์ซึ่งเป็นบุคคลสุดท้ายที่พบผู้สูญหาย ได้ให้การว่า เห็นผู้สูญหายตามหาโทรศัพท์มือถือจึงช่วยหาให้ เมื่อพบได้ยื่นคืนผู้สูญหายตามปกติก่อนผู้สูญหายจะเดินจากไป

จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ พบว่าก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 19.36 น. นายเนียน จัน อู อยู่ภายในซอยสุขร่วมใจ ข้างโรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ห่างจากคอนโดที่พักประมาณ 600 เมตร อยู่คนเดียว เดินท่าทางโซเซคล้ายคนมีอาการมึนเมาและเกือบจะล้มหลายครั้ง โดยมือขวาถือโทรศัพท์มือถือ เปิดหน้าจอมีแสงไฟส่องสว่างชัดเจน

และกล้องอีกตัวซึ่งอยู่ติดกับกล้องตัวแรก พบว่า นายเนียน จัน อู ไม่พกมือถือแล้ว แต่ผ่านไปไม่กี่วินาที ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมดิเอมเมอรัลด์ได้เก็บโทรศัพท์มือถือมาคืนให้พร้อมพาไปนั่งที่ป้ายรถประจำทางซึ่งอยู่ใกล้กัน แต่บริเวณป้ายรถประจำทางไม่มีกล้องวงจรปิดและถูกสะพานลอยคนข้าม บังมุมกล้อง จึงไม่เห็นภาพหลังจากนั้นว่าผู้สูญหายเรียกรถแท็กซี่ ขึ้นรถโดยสารประจำทาง หรือเดินเท้าไปต่อไปหรือไม่

ซึ่งหลังตำรวจรับแจ้ง ทางฝ่ายสืบสวนได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล เนื่องจากดูแลสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย พร้อมตรวจสอบเบื้องต้นไปทางสถานกักกัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) สวนพลู ไม่พบว่ามี นายเนียน จัน อู ถูกควบคุมตัวอยู่

จากการตรวจสอบพบว่า นายเนียน จัน อู เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเดินทางเข้าประเทศไทยครั้งแรก ส่วนแฟนสาวนั้นเดินทางมาจากประเทศออสเตรเลีย เมื่อทั้งสองพบกันก็ไปเที่ยวพัทยา ก่อนกลับมา กทม. เช่าคอนโดมิเนียมอยู่ในวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา กระทั่งหายตัวไปขณะเดินลงมาซื้อของเพียงผู้เดียว โดยแฟนสาวเชื่อว่านายเนียน จัน อู ไม่น่าจะถูกใครปองร้าย  แต่กลัวว่าจะถูกจับโดยขบวนการค้ามนุษย์ไปใช้แรงงาน

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ผู้สูญหายมีโรคประจำตัวคือ โรคปอด และระยะเวลาที่ผู้สูญหายออกจากที่พักเทียบกับภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นระยะเวลาเพียงสั้นๆ โดยออกจากที่พักในเวลา 19.21 น. ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพได้ในเวลา 19.36 น. ระยะทาง 600 เมตร ใช้เวลาเพียง 15 นาทีไม่น่าจะแวะพักดื่มสุราได้ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นการลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ เนื่องจากหลังเกิดเหตุจนเป็นข่าวนั้นมีระยะเวลาถึง 10 วัน ทางญาติและแฟนสาวยังไม่พบการเรียกร้องข่มขู่จากคนร้ายแม้แต่อย่างใด

 

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า