ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สอบปากคำ “เสี่ยอ้วน” รับสารภาพก่อเหตุฆ่า 2 ศพจริง และยอมรับว่าเสียใจเมื่อรู้ว่าที่ก่อเหตุเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คิดว่าเป็นเพียงรูปแกะสลักเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่จัดกำลังคุมเข้มทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เขาชีจรรย์ หวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์ ก่อนนำตัวฝากขังต่อศาลต่อไป
วันนี้ (22 ส.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณสถานที่ควบคุมตัว นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ “เสี่ยอ้วน” ผู้ต้องหา คดีเป็นผู้บงการและลงมือ ร่วมกับพวก 6 คน ยิงน้องสปาย น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ และฟอส นายอนันตชัย จริตรัมย์ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2561 บริเวณลานจอดรถตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จากความหึงหวงจนเกิดความแค้น เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา และหลบหนีไปประเทศกัมพูชา และหลบหนีไปประเทศกัมพูชา จนถูกจับกุมเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา
หลังถูกนำตัวข้ามแดนมาจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา มาเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ( 21 ส.ค.)
ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่คุมตัวเสี่ยอ้วนมาถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ พร้อมชุดสืบสวนสอบสวน ร่วมสอบปากคำเสี่ยอ้วน รวมถึงเรื่องอาวุธปืนที่ก่อเหตุ ก่อนนำมาแถลงข่าวถึงรายละเอียดคดีทั้งหมด จากนั้นจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในช่วงบ่าย (22ส.ค.)ยังจุดเกิดเหตุ และนำตัวไปฝากขังต่อศาล
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า เสี่ยอ้วนรับสารภาพ มูลเหตุมาจากเรื่องชู้สาว ซึ่งข้อมูลคดีทั้งหมดอยู่ในสำนวน รวมผู้ก่อเหตุทั้งหมด 10 คน รวมถึงผู้พาเสี่ยอ้วนหลบหนี และเสี่ยอ้วนเสียใจมาก เมื่อทราบว่าที่ก่อเหตุบริเวณเขาชีจรรย์เป็นพระเขตอภัยทาน เพราะคิดว่าที่เกิดเหตุเป็นเพียงรูปแกะสลักพระเท่านั้น
สำหรับ คดีฆาตกรรม 2 วัยรุ่น ในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายได้ร่วมกันวางแผน เพื่อสะกดรอยติดตามแล้วใช้อาวุธปืนสังหารโหด นางสาวปวีณา นาเมือง หรือ สปาย และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ ฟอส โดยเหตุเกิด
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2561 เวลาประมาณ 16.05 น. บริเวณลานจอดรถหน้าเขาชีจรรย์ ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ศาสนสถานและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดชลบุรี ที่สร้างความสะเทือนใจแก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัดว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุจำนวนทั้งสิ้น 6 คน จึงได้ขออนุมัติหมายศาลจังหวัดพัทยา
เพื่อออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาในฐานความผิด “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” ประกอบด้วย
- นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ อ้วน เจ้าของสถานบันเทิง ในพื้นที่หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต
ในฐานะผู้บงการวางแผน และใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิต
- นายสายันต์ ศรีสุข หรือ ยัน ทำหน้าที่แฝงเป็นแฟนของเพื่อนผู้เสียชีวิต เพื่อสืบข่าวและชี้เป้าหมายตลอดเส้นทาง
- นายเกียรติศักดิ์ สุรางแสงมีบุญ หรือ บอล ทำหน้าที่ขับรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว เพื่อพานายณรงค์ วรินทรเวช หรือ บ่าว มือปืน พร้อมนำพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน มาจากจังหวัดภูเก็ต พร้อมทั้งถอดเปลี่ยนป้ายทะเบียนเพื่อตบตา และขับรถจอดปิดท้าย เพื่อให้นายปัญญาฯ และนายรณรงค์ฯ ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิต
- นายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือ ป๊อบ เดินทางมาพร้อมนายปัญญาฯ เพื่อทำหน้าที่ในการขับรถเช่า ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว เพื่อสะกดรอยติดตามผู้เสียชีวิต
- นายกฤษณะ สีสุข หรือ มด ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายเกียรติศักดิ์ฯ ในการสะกดรอยติดตามผู้เสียชีวิต
- นายณรงค์ วรินทรเวช หรือ บ่าว ทำหน้าที่มือปืนผู้ลั่นไกสังหารผู้เสียชีวิต
ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวและจับกุมผู้ต้องหาในลำดับที่ 2-6 เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่สำหรับนายปัญญา ยิ่งดัง หรือ อ้วน ผู้บงการ ยังคงหลบหนีการจับกุม แต่จากการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่าได้มีผู้ให้การช่วยเหลือนายปัญญาฯ พาข้ามพรมแดนหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติศาลแขวงพัทยาเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 คนประกอบด้วย
- นายนิเวศน์ ยิ่งดี
- นายโกวัน ศิลปาโน
- นายวินัย ศิลปาโน
- นายภูธร สิงห์ดี
ในความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยเหลือผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่” จนสามารถติดตามและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คนมาดำเนินคดีได้แล้ว
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ของประเทศกัมพูชา
จนสามารถติดตามและจับกุมตัว นายปัญญา ยิ่งดัง หรืออ้วน ผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนี ได้ที่ จังหวัดปรีเวง ประเทศกัมพูชา ในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยมิได้รับอนุญาต และทางประเทศกัมพูชาได้ทำการผลักดันออกนอกประเทศ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้รับตัวนายปัญญาฯ เพื่อมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง เพิ่มเติม >>>