ฟัง ‘แจ๊ค หม่า’ เปิดใจฝาก ‘อาลีบาบา’ ไว้กับลูกน้องก่อนผันตัวไปเป็นครู

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งและประธานคณะกรรมการบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป จะก้าวลงจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริษัท (Chairman) ในวันที่ 10 ก.ย. 2562 หรืออีก 1 ปีข้างหน้า โดยเป็นการแถลงอย่างเป็นทางการจากบริษัทฯ ทั้งนี้ที่เขาเลือกวันที่ 10 ก.ย. เป็นวันแถลงก็เพราะเป็นวันเกิดครบรอบ 54 ปีบริบูรณ์ และยังถือเป็นวันครูของประเทศจีนอีกด้วย

พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้ง แดเนียล จาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) คนปัจจุบัน เป็นประธานคณะกรรมการบริษัทแทน โดยอีก 1 ปีต่อจากนี้ แจ็ค หม่า ยังมีฐานะเป็นประธานคณะกรรมการบริษัทอยู่ เขากล่าวว่าจะทำงานกับแดเนียลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ และเมื่อก้าวลงสู่ตำแหน่งแล้ว ก็จะยังคงให้คำปรึกษาแก่ผู้บริหารระดับสูงในฐานะของคณะกรรมการที่ปรึกษาที่เรียกว่า “Alibaba Partnership”

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แจ็ค หม่า ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ว่า หลังจากนี้เขาจะอุทิศเวลามากขึ้นให้กับมูลนิธิแจ็ค หม่า (Jack Ma Foundation) ที่มุ่งให้ความสำคัญด้านการศึกษาเป็นหลัก ในด้านนี้เขากล่าวไว้ว่า แม้ตัวเองไม่ได้ถือเป็นนักเรียนที่ดีนัก แต่ก็ได้ปรับปรุงเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาให้ดีขึ้น จึงต้องการที่จะอุทิศเวลาของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาให้มากที่สุด ซึ่งเขาเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษมาก่อน

อดีตคุณครูสอนภาษาอังกฤษผู้นี้ กล่าวว่า เขาได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจาก บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟ ที่เป็นต้นแบบการทำงานในมูลนิธิการกุศล ทั้งในด้านการศึกษา สุขภาพ ช่วยเหลือผู้ยากจน และถึงแม้จะไม่ได้รวยเท่าบิล เกตส์ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำได้ดีกว่าก็คือ เขาจะสามารถเกษียณอายุตัวเองจากธุรกิจได้เร็วกว่าที่จะเกิดขึ้นวันใดวันหนึ่งเร็วๆ นี้ โดยตั้งใจจะกลับไปสอนหนังสืออีกครั้ง และการเป็นคุณครูสอนหนังสือนี่แหละที่เขาจะทำได้ดีกว่าการเป็นซีอีโออาลีบาบา

แจ็ค หม่า เผยว่า เขาไม่ได้ต้องการไปสอนวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ วิชาธุรกิจในโรงเรียน แต่ต้องการสอนคนรุ่นใหม่ว่าจะเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายๆ อย่างที่จะเกิดขึ้นมาอย่างไร  ซึ่งเขาไม่ได้บอกว่าตนเองเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจ แต่เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตที่เป็นเรื่องดีสำหรับคนรุ่นใหม่

มีคนกล่าวไว้ว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สุดวิเศษ เขาถูกถามว่าในส่วนของเทคโนโลยีจะนำไปใช้อะไรได้บ้างในการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษา เขาตอบว่า สิ่งที่คิดอยู่เสมอและให้ความสนใจ คือในอนาคต เราต้องสอนเด็กให้สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ สอนสิ่งที่หุ่นยนต์ทำไม่ได้

แจ็ค หม่า กล่าวต่อว่า ผู้คนในจีนและในสหรัฐอเมริกา มีสิ่งหนึ่งที่พวกเรามีเหมือนกัน นั่นก็คือหัวใจของความรักและความเคารพ นี่เป็นภาษาธรรมดาที่พวกเราทุกคนมี การปฏิวัติอุตสาหกรรมเทคโนโลยีครั้งแรกเกิดขึ้นจากสงครามโลกครั้งที่ 1 การปฏิวัติครั้งที่ 2 เกิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนนี้เราจะมีการปฏิวัติครั้งที่ 3 คำถามที่น่าสนใจคือแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ได้ตอบคำถามตัวเองว่า มันควรจะเป็นสงครามสู้รบกับปัญหาความยากจน ปัญหาโรคระบาด ปัญหาสิ่งแวดล้อม ฯลฯ และควรแก้ปัญหาร่วมกันซึ่งมันจะเป็นโอกาสสำหรับพวกเราทุกคน

หลังจากนี้ในอีก 1 ปีข้างหน้า แม้ แจ็ค หม่า จะลงจากตำแหน่งประธานฯ อาลีบาบา แต่เขาก็เชื่อมั่นอย่างสุดใจว่า ทีมงานของเขาและระบบโครงสร้างคู้ค้าที่ได้พัฒนาร่วมกันมา จะสามารถนำพาบริษัทเจริญเติบโตอยู่ได้ไปอย่างยาวนาน และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องน่าภูมิใจของอาลีบาบา คือ พนักงานกว่า 50% เป็นผู้หญิง กว่า 34% ของตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นผู้หญิง ที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญในบริษัทด้านการบริการอย่างอาลีบาบา ซึ่งในยุคนี้การแข่งขันจะต้องใช้ความฉลาด ประสบการณ์ รวมถึงความเอาใส่ใจ จนนำไปสู่ความสำเร็จ

แม้ แจ็ค หม่า จะบอกว่าได้เข้าสู่วงการธุรกิจด้วยความบังเอิญหลังจากเป็นคุณครู จนก่อตั้งอาลีบาบาในปี 2542 ที่ได้รับเงินสนับสนุน 60,000 ดอลลาร์ จากผู้ร่วมก่อตั้ง 18 คน แต่ก็ได้กลายเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซรายยักษ์ใหญ่ระดับโลก ด้วยมูลค่าตลาดกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 13 ล้านล้านบาท