SHARE

คัดลอกแล้ว

 

ห่วงภัยเงียบ ! กรมสุขภาพจิต ชี้ ผู้ที่ชอบโพสต์ภาพเซลฟีที่ใช้แอปเติมแต่งความสวย สดใส ก่อนโพสต์ เพื่อหวังเรียกความเชื่อมั่นจากยอดไลค์ เสี่ยงเป็นคนขาดความเชื่อมั่นในโลกแห่งความเป็นจริง 

วันที่ 16 ก.ย. 61 นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า มีความเป็นห่วงพฤติกรรมการเซลฟีของประชาชนในสังคมออนไลน์ ที่กำลังกลายเป็นพฤติกรรมเคยชิน ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงตัวตน โดยถ่ายรูปตนเองในอิริยาบทต่างๆ แล้วแชร์ภาพ เผยแพร่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์

ซึ่งการเซลฟีนั้นมีความสำคัญกับความคิดในเรื่องของตัวตนเป็นอย่างมาก มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิต และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง หากเซลฟีในลักษณะเหมาะสมคือไม่ได้หวังผลอะไร จะไม่มีผลเสียอะไร เก็บไว้เป็นความประทับใจได้

แต่หากเซลฟี่มีความถี่มาก เพื่อให้เพื่อนๆ มากดไลค์หรือเขียนข้อความแสดงความเห็นต่างๆ จนเกิดการหมกมุ่น  อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นหรือความมั่นใจในตัวเอง หากโพสต์รูปตัวเองไปแล้วและได้รับการตอบรับน้อย คนกดไลค์น้อย ไม่เป็นไปตามคาดหวัง และโพลต์ใหม่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ จะส่งผลให้บุคคลนั้นขาดความมั่นใจ และอาจไม่ชอบ ไม่พอใจรูปลักษณ์ตัวเอง ก่อให้เกิดความกังวล ชีวิตไม่มีความสุข

เมื่อสะสมไปเรื่อยๆ ก็อาจทำให้เกิดความผิดปกติทางจิตใจ และอารมณ์ได้ง่าย เช่นหวาดระแวง เครียด ซึมเศร้า เป็นภัยเงียบที่น่าเป็นห่วง โดยหากเป็นเยาวชน วัยรุ่น จะมีผลกระทบต่ออนาคตได้ เด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง จะมีผลให้พัฒนาตัวเองยาก ขาดภาวะการเป็นผู้นำ ซึ่งมีความสำคัญมากในการใช้ชีวิตทั้งการทำงาน ครอบครัว โอกาสที่จะคิดพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ จึงเป็นไปได้ยากขึ้น มีผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างคาดไม่ถึง

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต

ทางด้านแพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า โดยทั่วไป ตัวตนของคนเรา มี 4 ประเภท คือ 1.ตัวตนจริงๆ เช่นรูปร่าง หน้าตา สวย หล่อ มีทักษะความสามารถ 2. ตัวตนที่เรารับรู้ตัวเอง ซึ่งอาจตรงหรือไม่ตรงกับตัวตนที่แท้จริงก็ได้ เช่นคนที่เห็นแก่ตัว อาจไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นคนเห็นแก่ตัว ก็ได้

3. ตัวตนในอุดมคติ เป็นตัวตนในความฝันที่อยากจะเป็น หรือมีบุคคลต้นแบบที่อยากจะใช้ชีวิตตาม และ 4. ตัวตนที่เรารับรู้จากการมองของคนรอบข้าง ( Looking -glass self) และเราก็มักจะปฏิบัติตนให้สอดคล้องและมีการปรุงแต่งไปตามค่านิยมหรือความต้องการสังคม ตัวตนประเภทนี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อพฤติกรรมของเราทั้งในโลกความจริงและในโลกสังคมออนไลน์

ซึ่งการถ่ายภาพเซลฟี เปรียบเสมือนการได้ส่องกระจก พฤติกรรมถ่ายเซลฟีที่น่าเป็นห่วงมี 2 ประการ ประการแรก คือ ถ่ายเซลฟีร่วมกับการใช้แอปพลิเคชันแต่งเติมหน้าตัวเองให้ดูดี มีสีสันสดใสขึ้นตามความต้องการ เช่นตาดำโต หน้าเรียว แก้มชมพู ปากแดง

ซึ่งขณะนี้กำลังได้รับความนิยมมากทั้งไทยและต่างประเทศ จัดว่าเป็นภาพตัวตนในอุดมคติ ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง จะเป็นการหลอกทั้งตัวเองและหลอกคนอื่น หากใช้บ่อย จะมีผลทำให้ขาดความมั่นใจในการเผชิญหน้าจริงกับผู้คนที่เป็นเพื่อนในโลกโซเชียล หรือเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง อาจจะเกิดการยอมรับความจริงไม่ได้

ประการที่ 2 คือการใช้แอปถ่ายเซลฟี่บ่อยถี่จนเกินไป อาจเป็นสัญญานของผู้ที่หมกมุ่นไม่พึงพอใจรูปร่างหน้าตาของตนเองมากผิดปกติ เรียกว่ากลุ่มอาการบีดีดี (Body Dysmorphic Disorder : BDD)

คนกลุ่มนี้จะนิยมการใช้แอปถ่ายภาพเซลฟี่เพราะภาพสามารถตอบโจทย์ ใช้ตรวจสอบรูปร่างหน้าตาของตัวเองได้บ่อยตามต้องการ อาจมีพฤติกรรมหมกมุ่น ไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาตัวเอง และใช้แอปเซลฟี่ตลอดเวลา จนอาจเสียการเสียงาน บางกรณีถึงขั้นหลุดจากโลกความเป็นจริง ถึงขั้นไม่สามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติได้

แพทย์หญิงกุสุมาวดีกล่าวต่อไปว่า สังคมออนไลน์มีส่วนทำให้คนมีโอกาสได้เห็นหน้าตาตัวเองบ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้เกิดความระแวงในหน้าตาของตัวเองว่า จะสวย หล่อหรือไม่ ขณะเดียวกันการเซลฟี่ที่ถี่มากเกินไป อาจสะท้อนถึงความกังวลและความไม่มั่นใจในตัวเอง

และอาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องทำให้ตัวเองสวย สร้างความมั่นใจตัวเอง หลายคนอาจตัดสินใจทำศัลยกรรมใบหน้า ให้หน้าตาสวยเข้ารูป หรือทำให้สวยเหมือนในภาพเซลฟีที่ใช้โปรแกรมตกแต่งเพิ่ม ทำให้ตัวเองพอใจ คนอื่นยอมรับ

ส่วนวิธีการป้องกันลูกหลานเสพติดเซลฟี และการสร้างความมั่นใจในตัวเองบนโลกแห่งความเป็นจริง แพทย์หญิงกุสุมาวดีมีคำแนะนำให้ผู้ปกครอง 5 ประการดังนี้

1. สอนเด็กให้มองและยอมรับในความแตกต่างของคนที่ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ข้อนี้สำคัญมาก เพื่อเด็กจะได้เข้าใจ ไม่นำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

2. ควรเลี้ยงดูบุตรหลาน โดยให้ความรัก ความอบอุ่น เด็กจะให้ความสำคัญกับคนรอบข้างที่เป็นสิ่งแวดล้อมจริงในชีวิตประจำวัน รวมถึงให้คำแนะนำการใช้โลกออนไลน์และเซลฟีให้เหมาะสม ถูกเวลา

3. ฝึกเด็กให้รู้จักระเบียบวินัย รู้จักควบคุมตัวเองในการใช้เวลาในโลกออนไลน์ ประการสำคัญผู้ปกครองต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการควบคุมพฤติกรรมการถ่ายเซลฟี่ของตนเอง

4. สอนให้เด็กรู้จักคบเพื่อนในโลกแห่งความเป็นจริง ฝึกทักษะทางสังคมเช่นการยิ้ม การชื่นชมคนอื่น สอนการแบ่งปัน

5. ฝึกให้เด็กมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองในโลกแห่งความเป็นจริง โดยชวนทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง ทำงานศิลปะ ทำอาหาร ทำงานบ้าน หรือจิตอาสาอื่นๆ เพื่อให้เด็กมองเห็นคุณค่าและเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง

แหล่งข้อมูล : ข่าวประชาสัมพันธ์ จากกรมสุขภาพจิต   

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า