SHARE

คัดลอกแล้ว

ชาวบ้าน จ.ชัยภูมิ เรียกร้องให้มีการย้ายกลุ่มสุนัขรุมไล่กัดเด็ก 4 ขวบ เสียชีวิต ออกจากชุมชน หวั่นซ้ำรอย ชี้ พรบ. คุ้มครองสุนัขมากกว่าคน ด้านครอบครัวผู้เสียชีวิตยังทำใจไม่ได้

วันที่ 20 ก.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ชัยภูมิ จากเหตุการณ์กลุ่มสุนัขของเพื่อนบ้านรวม 3 ตัว รุมไล่กัด ด.ญ.ธัญลักษณ์ สลิตกุล หรือน้องตวงข้าว วัย 4 ขวบเศษ จนเสียชีวิตคาถนนในหมู่บ้าน จ.ชัยภูมิ ระหว่างที่ออกไปปั่นจักรยานเล่นในถนนใกล้บ้าน เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา

ล่าสุด ทางด้านผู้ว่าราชการ จ.ชัยภูมิ ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายปกครอง อ.บ้านเขว้า ปศุสัตว์จังหวัด พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปช่วยเยียวยาสภาพจิตใจ รวมทั้งให้เจ้าของสุนัขควบคุมสุนัขกลุ่มนี้ขังล่ามโซ่ไว้ภายในบ้านตนเอง เพื่อไม่ให้ออกมาก่อเหตุซ้ำอีก และดูแนวทางดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขรายนี้ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ด้าน น.ส.เสาวรี จุลเขว้า อายุ 33 ปี แม่ของน้องตวงข้าว ที่เสียชีวิตครั้งนี้ เผยว่า ตนยังทำใจไม่ได้ และได้ขอนำศพน้องตวงข้าวออกมาจาก รพ. เพื่อนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่บ้านเกิดของน้อง ในซอยบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 194/5 ม.2 ต.บ้านเขว้า อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ที่ตั้งอยู่ใกล้บ้านเพื่อนบ้านเจ้าของสุนัข 3 ตัว ที่ไล่กัดน้องเสียชีวิตครั้งนี้ ไม่ไกลห่างกันเพียงกว่า 10 เมตร ในขณะที่บริเวณด้านหน้าบ้านของเจ้าของสุนัขรายนี้ ยังทำการเก็บตัวเองเงียบ

ด้าน นางประกาย จุลเขว้า อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นยายของ ด.ญ. ที่เสียชีวิต เผยว่า ตอนนี้ส่วนตัวแม่น้องเองยังทำใจไม่ได้ ทางญาติก็ได้พูดคุยกันแล้วว่าจะทำพิธีเผาศพน้อง หรือจะนำไปเก็บไว้ก่อนที่สุสานวันในวันเสาร์ที่ 22 ก.ย. 61 ที่วัดประทุมาวาส ก่อนจะมีการดำเนินการเข้าแจ้งความเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขรายนี้ต่อไป

น.ส.เขมมิกา จุลเขว้า อายุ 30 ปี น้องสาวของแม่น้องตวงข้าว เผยว่า ตอนนี้ทั้งพี่สาวและตนเองยังทำใจไม่ได้ ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น และไม่มีอะไรที่จะมาช่วยเยียวยาอะไรได้อีกแล้ว ส่วนคดีก็ต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป ขอให้เสร็จงานศพน้องในวันเสาร์นี้ก่อน และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ กลุ่มสุนัขที่ยังปล่อยให้เลี้ยงอยู่ภายในชุมชน มีบ้านเรือนชาวบ้านอีกจำนวนมากอยู่ใกล้ และเด็กๆ อีกจำนวนมาก รวมทั้งพี่ชายของน้องตวงข้าวที่อายุ 6 ขวบ อีกคน ก็ยังต้องใช้เส้นทางผ่านบ้านเลี้ยงสุนัขดังกล่าวอยู่เป็นประจำ และไม่มีใครรู้ว่าสุนัขจะหลุดออกมาไล่กัดเด็กคนไหนอีก จึงไม่อยากให้สุนัขกลุ่มนี้อยู่ในชุมชนอีก เพื่อความปลอดภัยที่น่าจะเป็นทางออกร่วมกันกับคนในชุมชนครั้งนี้

นอกจากนี้ น.ส.เขมมิกา ยังเปิดเผยต่ออีกว่า กฎหมาย พรบ.คุ้มครองสัตว์ หรือสุนัข ปัจจุบันกลับมีการคุ้มครองสุนัขมากกว่าคน เบื้องต้นก็ทราบว่าหากมีการดำเนินคดีปล่อยปละละเลย เจ้าของสุนัขก็มีโทษถ้าติดคุกก็ไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท แต่ถ้ามีใครไปทำร้ายสุนัขกลุ่มนี้เข้า กลับมีกฎหมาย พรบ.คุ้มครองสัตว์มากกว่า ต้องมีโทษรุนแรงถูกจำคุกอย่างน้อย 1 ปี ปรับสูงอีกกว่า 4 หมื่นบาท

รวมทั้งในส่วนของตัวแทนชาวบ้าน ทั้ง นางหลำ แนวโนนทัน อายุ 77 ปี และ นางละออง แว่นทิพย์ อายุ 57 ปี กล่าวว่า รู้สึกว่าหลังเกิดเรื่องครั้งนี้ กลับกลายเป็นว่ากฎหมายคุ้มครองสุนัขมากกว่าคน แล้วชาวบ้านใครจะไปกล้าทำร้ายสุนัขได้เพราะมีโทษหนัก แม้กระทั่งตนเอง ที่ผ่านมา ก็เคยถูกสุนัขกลุ่มนี้ออกมาวิ่งไล่ตามกัดบ่อยครั้ง ร้องเรียกให้คนในบ้านออกมาช่วยก็เงียบ เพราะไม่ค่อยมีคนอยู่บ้าน ปล่อยสุนัขเลี้ยงไว้ ก็ควรมีการดูแลให้ดีมากกว่านี้ด้วย และยิ่งรับไม่ได้เรื่องที่ พรบ.กฎหมายคุ้มครองสุนัขมากกว่าคน

ส่วนด้านการดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัข ล่าสุดทางด้าน พ.ต.ท.เอกพล เพชรนอก รอง.ผกก.สอบสวน สภ.บ้านเขว้า เปิดเผยว่า ตอนนี้รอญาติของเด็กที่เสียชีวิตเข้ามาแจ้งความให้รายละเอียดเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นให้เจ้าของสุนัขรายนี้มารับทราบข้อกล่าวหาไปแล้ว ในข้อหาควบคุมสัตว์ดุหรือสัตว์ร้าย ปล่อยปละละเลยให้สัตว์ไปโดยลำพัง ในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ จนเป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิต โดยมีโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท

ส่วนการสอบสวนและการเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากแม่เด็กที่เสียชีวิต เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่อไปนั้น ที่ถือว่าเป็นคดีอาญาแผ่นดินแล้ว ยอมความไม่ได้ และหากพบว่ามีความผิดชัดเจนเพิ่มเติมว่าทำการโดยประมาทให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก็จะมีโทษหนักสูงขึ้นไปอีก มีโทษสูงจำคุกอีกไม่น้อยกว่า 10 ปื ในครั้งนี้ด้วย

และกรณีที่ชาวบ้านหวาดกลัวว่า หากเกิดมีสุนัขหลุดออกมาไล่วิ่งทำร้ายเด็ก คนในชุมชนอีก แล้วกลัวว่าจะไปทำร้ายสุนัขกลุ่มนี้และมีโทษหนักตาม พรบ.คุ้มครองสุนัข ที่มีโทษหนักจำคุกสูงกว่า 1 ปี ปรับกว่า 4 หมื่นบาท นั้น ขอให้ชาวบ้านเข้าใจถึงกรณีถ้าเป็นการป้องกันตัวเอง เมื่อถูกสุนัขไล่รุมทำร้ายก็สามารถป้องกันตัวได้ ไม่เข้าข่ายความผิด เพราะไม่ใช่เป็นการไปรังแกสัตว์แบบไม่มีเหตุผล เรื่องนี้ต้องดูที่เจตนาของกฎหมายด้วย โดยเบื้องต้น จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางย้ายสุนัขกลุ่มนี้ไปอยู่ในที่ที่มีการควบคุม เพื่อความปลอดภัยของชุมชน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า