ส่งออกข้าวไทยเกินเป้า 11 ล้านตัน ขยายตลาดจีน-ฮ่องกง-สิงคโปร์

ข้าวไทยส่งออกได้มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 11 ล้านตัน เนื่องจากหลายประเทศมีความต้องการข้าวเพิ่มขึ้น รวมทั้งขยายตลาดข้าวคุณภาพสูงในจีน ฮ่องกงและสิงคโปร์

วันที่ 5 ต.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์รายงานการส่งออกข้าวว่า ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- ก.ย. 61) ปริมาณการส่งออกข้าวของไทยตามสถิติที่ได้รับจากกรมศุลกากรและใบอนุญาตส่งออกข้าวอยู่ที่ 8.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.87% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 11 ล้านตัน โดยมีมูลค่า 4,314 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 21.40% คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 137,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.43% และมูลค่าส่งออกเฉลี่ยที่ตันละ 512.67 เหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18.02%

อย่างไรก็ตาม หากต้องการผลักดันให้การส่งออกข้าวในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย 11 ล้านตัน ในช่วง 3 เดือนที่เหลือ (ต.ค.-ธ.ค.) จะต้องส่งออกให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 860,000 ตัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ เพราะมีความต้องการสั่งซื้อข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ไทยอยู่ระหว่างการส่งมอบข้าวให้กับรัฐบาลจีนตามสัญญาซื้อขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตที่ 6 อีก 100,000 ตัน รวมทั้งยังมีโอกาสขายข้าวเพิ่มให้กับฟิลิปปินส์ ที่มีความต้องการซื้อข้าวเพิ่มขึ้น

สำหรับสถานการณ์ราคาข้าว พบว่าราคาส่งออกยังทรงตัวในระดับสูง โดยราคาข้าวขาวของไทยใกล้เคียงกับข้าวของเวียดนามที่อยู่ตันละ 400-410 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนราคาข้าวหอมมะลิยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตันละ 1,149 เหรียญสหรัฐฯ และยังเชื่อว่าราคาจะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไป เพราะมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง กรมการค้าต่างประเทศมีแผนที่จะขยายตลาดข้าวคุณภาพสูงของไทยในจีน ฮ่องกงและสิงคโปร์

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยว่าการส่งออกข้าวไทยปี 2561 มีแนวโน้มที่จะส่งออกได้ถึง 11 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะส่งออกได้ประมาณ 10 ล้านตัน เนื่องจากแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่อย่างอินโดนีเซียมีความต้องการนำเข้าข้าวเพิ่มอีก 1-2 ล้านตัน และฟิลิปปินส์มีแผนจะนำเข้าข้าวเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 5 แสนตัน

นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวถึงแนวโน้มการนำข้าวเพิ่มของประเทศผู้นำเข้า เชื่อว่าข้าวไทยจะสามารถแข่งขันราคาได้ เพราะขณะนี้ราคาส่งออกข้าวไทย ข้าวขาว 5% ปรับราคาลดลง มาซื้อขายที่ราคา 380 ดอลลาร์/ตัน ซึ่งราคาไม่แพง จึงเป็นโอกาสที่ข้าวไทยจะแข่งขันราคาชนะประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามที่มีราคาข้าวสูงกว่าไทยประมาณ 10 ดอลลาร์/ตัน โดยสาเหตุที่ราคาข้าวไทยลดลง เพราะผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังปี 2561 มีจำนวนมากถึง 11 ล้านตัน ข้าวเปลือก อย่างไรก็ตาม คิดว่าราคาข้าวคงจะไม่ต่ำลงกว่านี้แล้ว แต่มีแนวโน้มว่าราคาจะขยับราคาสูงขึ้นตามความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น

นายชูเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากที่หลายประเทศมีความต้องการนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นนั้นส่งผลดีต่อการส่งออกข้าวไทย โดยอินโดนีเซียจะนำเข้าข้าวเพิ่มในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 1-2 ล้านตัน ขณะที่ฟิลิปปินส์กำลังจะเปิดประมูลข้าวแบบรัฐต่อเอกชน (จีทูพี) อีก 2.5 แสนตัน และคาดจนถึงสิ้นปีฟิลิปปินส์อาจมีการนำเข้าข้าวเพิ่มอีก

ทั้งนี้ วันที่ 18 ต.ค. 2561 หน่วยงานนำเข้าข้าวของรัฐบาลฟิลิปปินส์ (เอ็นเอฟเอ) จะ เปิดประมูลนำเข้าข้าวขาว 25% ปริมาณ 2.5 แสนตัน ในรูปแบบรัฐต่อเอกชน (จีทูพี) เบื้องต้นคาดว่า ผู้ส่งออกข้าวไทยจะยื่นเสนอราคาประมูลขายข้าวให้กับทางเอ็นเอฟเอ ครั้งนี้ด้วย แต่ไม่คาดหวังจะชนะการประมูล เนื่องจากงบประมาณที่เอ็นเอฟเอกำหนดซื้อข้าวในครั้งนี้ไม่เกิน 420 ดอลลาร์/ตัน เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ จะเท่ากับ 360 ดอลลาร์/ตัน หรือทอนกลับเป็นข้าวเปลือกเหลือ 6,000 บาท/ตัน เท่านั้น