“บิ๊กตู่” ยัน ให้เงิน 500-1,000 ลดภาระประชาชน ไม่ใช่เอื้อนายทุน

ภาพโดย กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก สำนักนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรียืนยัน ให้เงิน 500-1,000 บาท ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องการลดภาระประชาชน ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้นายทุน ร้านไหนมีเครื่องอ่านบัตรสวัสดิการสามารถซื้อได้หมด 

วันที่ 22 พ.ย. 61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร บริเวณเขตบางกะปิ สะพานสูง คลองสามวา มีนบุรี โดยมี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม, นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.

โอกาสนี้ นายกฯ เดินมายัง รร.วัดศรีบุญเรือง เขตบางกระปิ โดยยืนเข้าแถวเคารพธงชาติร่วมกับนักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชน พร้อมมอบหมวกกันน็อกให้กับตัวแทนนักเรียน  เพื่อรณรงค์สร้างวินัยจราจรและความปลอดภัยบนท้องถนน นอกจากนี้ยังกล่าวให้โอวาทและทักทายประชาชนว่า ตนมีโอกาสก็อยากมาเยี่ยมเยียนประชาชนในทุกพื้นที่ รวมทั้งกรุงเทพฯ อย่างเขตบางกะปิ ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งประกอบด้วยประชาชนหลายกลุ่มหลากศาสนา มีความเป็นพหุสังคม อยู่ร่วมกันอย่างสันติ เพื่อมาดูอุปสรรคปัญหาในการทำงานว่า ควรจะปรับแก้ไขจุดใดบ้าง

รัฐบาลจะดำเนินการอะไรจะต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบ ระมัดระวังในข้อกฎหมาย รายได้ที่มีรัฐบาลก็ต้องนำมาลงทุนในด้านต่างๆ ด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำเต็มที่ เพื่อให้คนไทยมีความสุขยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องใช้เวลา ถ้าทำมาก่อนหน้านี้ประเทศคงไปไกลแล้ว ซึ่งตอนนี้เพิ่งจะเริ่มออกตัว ดังนั้นขอให้ทุกคนเข้าใจตรงนี้ด้วย

ในระหว่างตรวจราชการ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า เงินจำนวน 500 บาท หรือ 1,000 บาท ที่ให้กับประชาชนนั้น เพื่อต้องการลดภาระไว้ซื้อของใช้ในครัวเรือน ร้านไหนมีเครื่องอ่านบัตรสวัสดิการก็สามารถซื้อได้ทั้งหมด ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้นายทุน ให้ประชาชนไปจับจ่ายใช้สอยกับบริษัทห้างร้านของคนรวยเท่านั้น รัฐบาลเพียงขอความร่วมมือจากผู้ผลิตเอกชน ไม่ได้หมายความว่าจะเอื้อประโยชน์ให้ หากใครมีอะไรจะขายก็เสนอมา แต่ต้องอยู่ในราคาที่เหมาะสม ต้องเป็นไปตามกลไกการค้าเสรีและโปร่งใส

“ผมไม่ได้มาพูดโกหก เพราะผมโกหกไม่ได้ แต่บางทีอาจจะพูดไม่เข้าหูบ้าง เขาบอกว่าทำงานตรงนี้ต้องอดทน ผมก็อดทนที่สุดขออภัยด้วยแล้วกัน งานที่ทำวันนี้จะสานต่อในวันหน้า โดยรัฐบาลที่เข้ามาใครจะเป็นต่อก็ยังไม่รู้ ขึ้นอยู่กับการเลือกตั้ง รัฐบาลที่เข้ามาจะเอามาทำ เอาไปดัดแปลงก็ว่าไป แต่ถ้าเราไม่เริ่มไว้ก็จะกลับไปที่เดิม 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้รับเรื่องร้องเรียนกว่า 4 ล้านเรื่อง ก็พยายามแก้ งานที่รัฐบาลทำอย่าไปมองเป็นเรื่องการเมืองทั้งหมด อย่าปิดโทรทัศน์ ขอให้ฟังกันบ้างแม้จะเข้าใจยากก็ขอให้ฟัง อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าพูดอะไรไป ไม่อย่างนั้นจะติดกันเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่” นายกฯ กล่าว