โหวตนายกฯ อย่างน้อย 2 ครั้ง! กกต.ทุ่มงบกว่า 1,300 ล้าน จัดการเลือก ส.ว.

คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดตัวเลขงบประมาณ “จัดการเลือก ส.ว.” ใช้เงินกว่า 1,300 ล้านบาท จัดการให้เลือกกันเองจาก 10 กลุ่มอาชีพให้ได้ 200 รายชื่อส่งคสช.เลือก ด้านเลขาฯ กกต. แจงเทียบไม่ได้ เพราะ 1 เสียงของ ส.ว. มีค่ามากเพราะมีสิทธิโหวตเลือกนายกฯ อย่างน้อย 2 ครั้ง

ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ ชั้น 4 ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ วันที่ 23 พ.ย. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ประธาน กกต.) ยืนยันความพร้อมจัดการเลือก ส.ว. ของกกต. ที่เปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันที่ 26-30 พ.ย. นี้ โดย กกต.คาดว่า  จะเสนอบัญชีรายชื่อ 200 คน ให้คสช.ได้ภายใน วันที่ 2-5 ม.ค. 2562 โดยมีองค์กรที่มีสิทธิ์แนะนำทั้งหมด 439 องค์กรจาก 10 กลุ่มอาชีพ

ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ส.ว. ทั้ง 250 คน จะมีวาระ 5 ปี ซึ่ง ส.ว. ชุดนี้มีความสำคัญ เพราะมีหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรี ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญปี 2560 คือ ไม่ต่ำกว่า 2 วาระ ซึ่ง ส.ว. มีวาระ 5 ปี คือจะได้ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง

นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า สำหรับงบประมาณที่ กกต. ใช้ในการจัดการเลือก ส.ว. ประมาณ 1,300 ล้านบาท นอกจากจะได้ บัญชีรายชื่อ 200 คน เพื่อให้ คสช. คัดเลือก 50 คน และสำรอง 50 คน ยังได้กระบวนการเรียนรู้ประชาธิปไตยในระบบใหม่ด้วย อีกทั้งงบตรงนี้ไม่ใช่ กกต.ใช้หน่วยงานเดียว แต่รวมถึงหน่วยงานสนับสนุน อาทิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวเสริมว่า กระบวนการจัดการเลือก ส.ว. ที่่อำเภอ (เขต) 928 อำเภอทั้งประเทศ คือ 77 จังหวัดให้ได้ 200 คน และคัดให้เหลือ 50 คน ถ้าจะบอกว่า 1,300 ล้านบาท เพื่อเลือก 50 คนคงเทียบไม่ได้ เพราะกระบวนการทั้งหมดเริ่มตั้งแต่ต้นทาง และ 1 เสียงของ 50 คน มีผลต่อการแพ้ชนะ 1 คะแนนเปลี่ยน นายกฯ ก็เปลี่ยน 1 ในเสียง 50 เสียง ดังนั้นความสำคัญตรงนี้สามารถทำให้เปลี่ยนได้เหมือนกัน