SHARE

คัดลอกแล้ว

ภาพจากเฟซบุ๊ก Louis Vuitton

การเป็นเจ้าของกระเป๋าหลุยส์วิตตองสักใบ หรือรถยนต์หรูอย่างบูกัตติ ที่มีมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้กระทั่งนาฬิกาสุดหรูอย่างโรเล็กซ์ เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องหมายแสดงถึงฐานะอันมั่งคั่ง แต่ปัจจุบันสินค้าแบรนด์เนมกลับได้รับความนิยมน้อยลงในหมู่มหาเศรษฐี ซึ่งตอนนี้พวกเขาหันไปทุ่มเงินกับการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากกว่า

และในยุคบริโภคนิยมที่ชนชั้นสูงและชนชั้นกลางสามารถเป็นเจ้าของแบรนด์หรูเดียวกันได้ จึงทำให้บรรดาคนรวยเลือกที่จะละทิ้งแบรนด์เนมทั้งหลาย เพราะสินค้าเหล่านั้นไม่สามารถบ่งชี้สถานะของพวกเขาได้อีกต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เอลิซาเบธ เคอร์ริด-ฮาลเก็ตต์ เรียกว่า การบริโภคที่ไม่เด่นชัด ในหนังสือของเธอ ‘The Sum of Small Things: A Theory of an Aspirational Class’

แนวคิดดังกล่าวตรงกันข้ามกับแนวคิดการบริโภคที่เด่นชัด ของธอร์สไตน์ เวเบลน นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังชาวอเมริกัน ในหนังสือ ‘Theory of the Leisure Class’ โดยระบุว่าการใช้วัตถุเพื่อบ่งบอกถึงสถานะทางสังคม เป็นจุดเด่นของการใช้จ่ายที่ยอดเยี่ยม

เคอร์ริด-ฮาลเก็ตต์ เขียนไว้ในหนังสือโดยอ้างจากข้อมูลการสำรวจค่าใช้จ่ายผู้บริโภคในสหรัฐฯ ว่า โดยพื้นฐานแล้ว การโชว์ว่าตัวเองร่ำรวย ไม่ได้เป็นวิธีที่บ่งบอกถึงความมั่งคั่งอีกต่อไป โดยเฉพาะในสหรัฐฯ มหาเศรษฐีมีการใช้จ่ายน้อยลงสำหรับสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ตั้งแต่ปี 2550

“ชนชั้นสูงสมัยใหม่จะเสริมสร้างสถานะทางสังคมด้วยความรู้ และสร้างทุนทางวัฒนธรรมโดยไม่คำนึงถึงพฤติกรรมการใช้จ่าย บุคคลเหล่านี้มักลงทุนในการศึกษา และสุขภาพ ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะเสียเงินมากกว่าการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมหลายเท่า ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่ผู้มีรายได้ปานกลาง” เคอร์ริด-ฮาลเก็ตต์ กล่าว

ภาพจาก pixabay

 

การลงทุนด้านการศึกษา ขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวทางสังคม

การบริโภคที่ไม่เด่นชัดมักไม่ได้รับการสังเกตโดยชนชั้นกลาง แต่เป็นที่สังเกตเห็นโดยชนชั้นสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขารอบคอบ โดยเคอร์ริด-ฮาลเก็ตต์ เรียกว่าชวเลขสำหรับชนชั้นนำ เพื่อแสดงถึง ‘ทุนทางวัฒนธรรม’ ต่อกันและกัน และสถานะความผูกพัน เธอกล่าวว่า “มันเป็นการสร้างสิทธิพิเศษในแบบที่ไม่อาจละเลยได้”

ด้าน เจ.ซี. แพน จากเดอะ นิว รีพับบลิก เขียนไว้ว่า พ่อแม่กำลังพยายามสร้างสถานะทางสังคมของพวกเขาเพื่อลูกๆ เช่น ซื้อการดูแลสุขภาพที่ทันสมัย และจัดให้พวกเขามีทุกข้อได้เปรียบทางการศึกษา โดยให้เรียนในโรงเรียนอนุบาลระดับไฮเอนด์ ได้รับการติวจากครูสอนพิเศษเพื่อสอบวัดความรู้ความสามารถในระดับมัธยมปลาย และการส่งลูกๆ เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำ

ครอบครัวที่ร่ำรวยใช้จ่ายเงินจำนวนหลายล้าน เพื่อให้ลูกๆ ของพวกเขาได้เรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุดของประเทศ หรือจ่ายเงินมากถึง 60,000 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 1.9 ล้านบาท) สำหรับทริปของสถาบันการศึกษาที่เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว เศรษฐีเหล่านี้จึงลงทุนในด้านการศึกษาด้วยความหวัง เพื่อวางแผนให้ลูกหลานประสบความสำเร็จในอนาคต

ภาพจากเฟซบุ๊ก Cornell University

 

สุขภาพและความงามยังหมายถึงสถานะ

นิตยสารแฟชั่นอย่าง โว้ก (Vogue) เคยรายงานก่อนหน้านี้ว่า สุขภาพและความงามได้กลายเป็นสัญลักษณ์สถานะทางสังคมที่หรูหรา ขณะที่ไซมอน คูเปอร์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ เขียนไว้ว่า วัฒนธรรมชั้นสูงใช้เวลาเพียงเล็กน้อยกับผลิตภัณฑ์ความงาม แต่อวดรวยกับการออกกำลังกาย เพราะคิดว่าร่างกายควรดูเป็นธรรมชาติ

คูเปอร์ กล่าวว่า ร่างผอมเพรียวที่กระชับ เป็นการแสดงมุมมองต่อโลกของสังคมชนชั้นสูง แม้แต่การพักผ่อนหย่อนใจก็ต้องมีประสิทธิผล

ชาวนิวยอร์กบางรายออกค่าใช้จ่ายในการเป็นสมาชิกฟิตเนสคลับสุดหรูในแมนฮัตตัน อย่าง ‘เพอร์ฟอร์มิกซ์ เฮาท์ (Performix House)’ เป็นจำนวนเงินถึง 900 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน หรือเกือบ 30,000 บาท เพราะทางยิมหรูดังกล่าวเคลมว่า เป็นสถานที่ที่ดีสุดสำหรับสุขภาพและความงาม

หรือยอมจ่ายค่าสมาชิกเริ่มต้นที่ 200 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 6,400 บาท) จนไปถึงระดับสมาชิกวีไอพี ที่ต้องจ่ายถึง 26,000 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 832,000 บาท) เพื่อออกกำลังกายใน ‘อีควิน็อกซ์ (Equinox)’ ฟิตเนสหรูหราในมหานครนิวยอร์ก ที่ตามข่าวลือบอกว่า มีเพียงคนสวยหล่อเท่านั้นที่สามารถออกกำลังกายได้ที่นี่ และคลาสต่างๆ ถูกสอนโดยอดีตนักกีฬาโอลิมปิกเลยทีเดียว

ภาพจากเฟซบุ๊ก Equinox

 

และทั้งหมดนี้ก็คือเทรนด์ของมหาเศรษฐียุคใหม่ ที่มองว่าสุขภาพและความรู้ บ่งบอกสถานะของพวกเขา ได้มากกว่าสินค้าแบรนด์เนม

 

 

(ที่มา Business Insider)

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า