พรรคการเมืองรุม ป.ป.ช.คดีนาฬิกาหรู หาข้อเท็จจริงหรือหาคำตอบให้

จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 3 ว่า ยังไม่มีมูลเพียงพอว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จงใจยื่นบัญชีแสดงบัญชีทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จจากกรณีนาฬิกาหรู 22 เรือน   

วันนี้ (28 ธ.ค.) ฝ่ายการเมืองจากหลายพรรคแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวพุ่งเป้าไปที่การทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.

นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมาก แต่ก็ไม่ผิดคาด ซึ่งเรื่องนี้สังคมก็ไม่ได้เชื่อตามเสียงของ ป.ป.ช. และไม่ได้ทำให้หายเคลือบแคลงสงสัยได้ ทั้งนี้เพราะระบบการตรวจสอบของประเทศมีปัญหาอย่างร้ายแรง เป็นระบบที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะที่มาของคณะกรรมการฯ ชุดนี้ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตั้งแต่ต้น แต่ก็ยังเป็นมาได้เพราะอาศัย พรป. ป.ป.ช. ที่ผ่านการอนุมัติจาก สนช. ทำให้ระบบการตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่นของประเทศมีปัญหา เพราะ ป.ป.ช. ไม่มีความเป็นอิสระ และถูกแทรกแซงได้ ทั้งนี้ยังขาดการตรวจสอบจากสื่อมวลชน และประชาชนเนื่องจากมีการจำกัดเสรีภาพสื่อและเสรีภาพของประชาชน

ด้านนายรังสิมันต์ โรม ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างมากสำหรับคำวินิจฉัยที่ออกมาเพราะสิ่งที่ ป.ป.ช. วินิจฉัย เป็นการยืนยันว่า พล.อ.ประวิทย์ยืมนาฬิกาเพื่อนมาจริง ทั้งๆ ที่สิ่งที่ ป.ป.ช. ควรวินิจฉัย คือ การยืมนาฬิกาเพื่อน มันคือการยืมทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากกว่า 3,000 บาท นั้นเป็นสิ่งที่มีความผิดหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ประชาชนอยากจะรู้ ประชาชนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะท่านเองเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีที่มักจะโฆษณาอยู่ตลอดเวลาว่า คอร์รัปชั่นต้องถูกปราบให้หมด ดังนั้น ท่านเองต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชน ทำให้เห็นว่าการคอร์รัปชั่นนั้นไม่มีในยุคสมัยของท่าน ส่วนการทำงานของ ป.ป.ช. 1 ปีเต็ม ที่ ตรวจสอบเรื่องนี้ ถามว่าสิ่งที่เราได้มาจากคำวินิจฉัย มีอะไร ก็เป็นแต่เพียงการยืนยันคำพูดของ พล.อ.ประวิตร เท่านั้น

ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ แสดงความคิดเห็นว่า ตั้งแต่ต้นที่มีการเริ่มสอบเรื่องนี้ ก็มีสัญญาณแสดงถึงความไม่ตั้งใจในการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว ผิดกับคดีอื่นๆ ของอีกฝ่าย ที่สามารถขุดคุ้ยคดีขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากไม่มีคนอย่างนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชน ต้านคอร์รัปชั่น และ นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางสังคม ที่คอยมาทวงถามก็ไม่แน่ใจว่าจะมีความคืบหน้าหรือไม่  ทั้งนี้ ตนคิดว่า จากผลการสอบสวนของ ป.ป.ช.ทำให้ตั้งข้อสังเกตได้ว่า การพิจารณาของ ป.ป.ช.มีการเบี่ยงประเด็น จากที่ควรจะพุ่งเป้าไปที่พล.อ.ประวิตร ได้นาฬิกามาอย่างไร มิใช่ใครเป็นเจ้าของนาฬิกา แค่ พล.อ. ประวิตร ยอมรับมีการยืมนาฬิกาเหล่านี้จริง นี่ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจน ไม่จำเป็นที่จะต้องพิสูจน์การมีอยู่จริงของนาฬิกาเหล่านี้ด้วยซ้ำ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า คุณชูวิทย์ (กมลวิศิษฎ์) มีทรัพย์สินมากมาย ขาดรายงานไป 1.5 แสนบาทยังถูกตัดสินติดคุก แล้วนี่นาฬิกาข้อมือ 20 กว่าเรือน ป.ป.ช. เชื่อได้อย่างไร รู้อยู่แล้วว่า ป.ป.ช. เป็นใครมาจากไหนแต่งตั้งมาโดย คสช. ทั้งนั้น และมาตัดสินเรื่องนี้ ถ้าตนมีโอกาสเข้าไปบริหาร จะเข้าไปจัดการ ไม่ใช่องค์กรอิสระมาปกป้องใครแบบนี้

ขณะที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ไม่ได้แสวงหาข้อเท็จจริงแต่ไปแสวงหาคำตอบให้ พล.อ.ประวิตร การไม่สามารถหาข้อเท็จจริงจะนำไปสู่ความเสื่อมและหายนะขององค์กร การแจ้งว่าไม่หาข้อมูลได้ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง กรณีนี้จะส่งผลต่อไปในอนาคตเรื่องการตรวจสอบเพราะคนอื่นๆ ก็จะอ้างได้ว่ายืมเพื่อนมาเช่นกัน เป็นปัญหาต่อระบบทั้งหมด เรื่องนี้ ป.ป.ช.ควรส่งให้ศาลพิจารณาเหมือนกับรายอื่นๆ  ตนอยากให้ประชาชนเข้าชื่อ 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อถอดถอน ป.ป.ช.ทั้ง 5 คน ที่ลงมติว่าให้คดีนาฬิกาหรูตกไป
“เดิมทีผมคิดว่าจะไม่ลงสมัคร ส.ส.จะให้ลูกลงแทน แต่เห็นอย่างนี้ผมจะขอลงในระบบบัญชีรายชื่อ ถ้าผมมีโอกาสเข้าสภาได้ ผมจะตามจับพวกคุณ เอาพวกคุณเข้าคุกให้ได้”

ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ป.ป.ช.ทำหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายระบุ โดยพิจารณาจากยึดจากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน ไม่ใช่การใช้ความรุ้สึกในการทำงาน ทั้งนี้ ป.ป.ช. ไม่สามารถไปห้ามไม่ให้ใครวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ระยะเวลาจะพิสูจน์การทำงานของ ป.ป.ช.