“ส.ป.ก.4.0” พลังประชารัฐชูช่วยแก้จนได้ มั่นใจปิดช่องนายทุนรวบ

พลังประชารัฐเอาจริงนโยบาย “ส.ป.ก. 4.0” แก้เกณฑ์ให้ที่ดินเปลี่ยนมือได้แต่ห้ามขายให้นายทุน และไม่ต้องทำเฉพาะการเกษตร “สุริยะ” ยันที่ ส.ป.ก.อยู่ห่างไกลไม่มีนายทุนหน้าโง่มากว้านซื้อทำรีสอร์ทแน่นอน

วันที่ 9 ม.ค. นายสุชาติ ตันเจริญ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ผู้เสนอแนวคิด “เปลี่ยน ส.ป.ก.4-01 ให้เป็นที่ดินทองคำ” หรือ “ส.ป.ก. 4.0” กล่าวถึงข้อวิจารณ์อาจเปิดช่องให้นายทุนเข้าซื้อที่ดิน ส.ป.ก. และเพิ่มปัญหาความเหลื่อมล้ำว่า ตนเองในฐานะแกนนำ ส.ส.กลุ่ม 16 ที่เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณี ส.ป.ก.4-01 จนพรรคประชาธิปัตย์ต้องยุบสภาหนีการลงมติเพราะปล่อยให้คนรวยได้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. ทราบเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 หรือกฎหมาย ส.ป.ก. เป็นอย่างดี

นายสุชาติ กล่าวว่า ที่มาของแนวคิดคือ ในอดีต 30-40 ปีก่อนที่ดินเหมาะกับการทำการเกษตร นโยบายจึงเน้นปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แต่วันนี้การทำเกษตรกรรมทำให้เกษตรกรเป็นหนี้ วัตถุประสงค์ของ ส.ป.ก.ต้องการช่วยเหลือคนจนโดยรัฐสนับสนุนให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน ก็ควรจะหาทางทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ และสามารถอยู่ดีมีสุขเพิ่มขึ้น หรือเป็นคนรวยไปเลยก็ได้ ทำไมต้องตีกรอบว่า คนที่จะได้รับที่ดิน ส.ป.ก. ต้องจนดักดาน หรือพอจะมีเงินขึ้นมา คุณสมบัติก็ขาดจะถูกยึด ส.ป.ก. คืนไป

ดังนั้น จึงเสนอแนวทางให้ที่ดิน ส.ป.ก. เปลี่ยนมือได้ เพื่อให้เกิดการนำไปพัฒนาใช้ที่ดินให้เกิดรายได้มากขึ้น แต่นโยบายนี้ไม่ได้ทำให้ที่ดินหลุดไปเป็นของนายทุนและต่างชาติแน่นอน เพราะกำหนดเกณฑ์ไว้คือ

1.เจ้าของกรรมสิทธิที่ดิน ยังเป็นชื่อ ส.ป.ก. อยู่ทุกตารางนิ้ว ผู้ได้รับการจัดสรรจะได้ครอบครองแค่ “ใบสลักสิทธิ์” ที่เปลี่ยนมือได้เท่านั้น
2.กำหนดอำนาจหน้าที่ให้ ส.ป.ก. จำแนกที่ดิน และกำหนดอัตราภาษีแบบก้าวหน้าและค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับศักยภาพของที่ดินนั้นให้ชัดเจน
3.ต้องดำเนินคดีกับผู้บุกรุกอย่างเด็ดขาด ต้องดำเนินคดีไม่ไว้หน้า ไม่ใช่แค่เอามาคืนเท่านั้นยังต้องมีโทษทั้งจำทั้งปรับที่มีอัตราค่าปรับที่เหมาะสม ย้อนหลังตั้งแต่ต้นของการกระทำผิด
4.พัฒนากองทุน ส.ป.ก. ให้รองรับบทบาทใหม่ในการบริหารที่ดินของ ส.ป.ก. ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน
5.ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกิน กองทุน ส.ป.ก.จะเข้าไปจัดสรรให้กับผู้ที่มีคุณสมบัติ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนไว้ก่อนปี 2554 จำนวน 3.3 แสนคนได้มีที่ดินทำกิน และต้องนำที่ดินไปใช้ตามศักยภาพโดย ส.ป.ก.เข้าไปเป็นพี่เลี้ยง สำหรับรายใหม่จะต้องถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปี จึงจะสามารถเปลี่ยนมือได้

“ผมจึงกล้าประกาศว่า ส.ป.ก. จะเป็นที่ดินทองคำ และต้องทำให้เปลี่ยนมือได้ เพื่อรองรับศักยภาพของคนที่จะนำไปพัฒนาในการใช้ที่ดินทำให้เกิดรายได้มากขึ้น ยิ่งทำให้คนที่ถือครองที่ดินร่ำรวยขึ้น เศรษฐกิจประเทศก็ดีขึ้นเป็นเงาตามตัว ประเทศชาติก็พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่มีศักยภาพไม่มาก เช่นผู้สูงอายุกว่า 1 ล้านคน ที่เป็นเจ้าของที่ดิน แต่ไม่มีลูกหลาน ไม่สามารถทำงานได้ กองทุน ส.ป.ก. ก็จะเข้าไปช่วยบริหารแทนให้เกิดรายได้ เช่น อาจปลูกต้นไม้มีค่า ซึ่งเป็นการต่อยอดนโยบายรัฐได้ป่า ประชาได้ทรัพย์สินและที่ดินทำกิน” นายสุชาติ กล่าว

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคอีสาน กล่าวถึงเรื่องเดียวกันนี้ระหว่างลงพื้นที่ที่ จ.นครราชสีมาว่า นโยบายนี้ไม่ได้นำเสนอขึ้นมาเพื่อหวังผลหาเสียง แต่พรรคมีเป้าหมายต้องการช่วยเหลือประชาชนในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินตัวเอง และทำให้ไม่มีการพัฒนาเศรษฐกิจในที่ห่างไกล ซึ่งข้อเสนอในขณะนี้คือการแก้ไขพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 โดยให้จำแนกที่ดิน ส.ป.ก. เป็นประเภทต่าง ๆ ตามสภาพพื้นที่จริง เช่น พื้นที่ชุมชนแยกออกจากพื้นที่การเกษตร พร้อมแก้ไขให้เปลี่ยนมือได้แต่มีเงื่อนไขไม่ให้ที่ดินตกไปอยู่ในมือนายทุน ขณะเดียวกันสามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์กู้เงินจากสถาบันการเงินอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้จะเร่งตรวจสอบที่ดินที่ถือครองโดยนายทุนมาจัดสรรให้เกษตรกรตัวจริง

“วันนี้มาสอบถามจากชาวบ้าน ถ้ามีการเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนดก็จะไม่ขายต่อ เพราะจะเก็บไว้ให้ลูกหลาน และในจังหวัดอื่น ๆ พื้นที่ ส.ป.ก. อยู่ห่างไกลความเจริญ คงไม่มีนายทุนหน้าโง่คนใดมากว้านซื้อไปทำรีสอร์ทอย่างที่มีการห่วงใยกัน ดังนั้นจึงตัดประเด็นว่าชาวบ้านจะนำมาขายต่อได้เลย เบื้องต้นต้องมีการแก้ไขกฎหมายให้เปลี่ยนมือได้ ปัจจุบันไปจำนองกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ แต่ก่อนไปทำนิติกรรมต้องไปตกลงกับ ส.ป.ก. ถ้าจำนองแล้วไม่มีเงินไปไถ่คืนต้องสละสิทธิ์คืนให้กับ ส.ป.ก. ซึ่งที่ผ่านมาก็มีชาวบ้านไม่มีกำลังผ่อน สปก. ก็นำเงินไปไถ่คืน ธกส. จากนั้นที่ดินก็มาจัดสรรให้เกษตรกรรายใหม่ อย่างไรก็ตามการจะกำหนดนโยบายนี้ต้องดูเป็นรายพื้นที่ เช่น จ.ภูเก็ต ถ้ามีนายทุนไปซื้อที่ดิน ส.ป.ก. หรือชาวบ้านไปจำนองกับนายทุนก็จะไม่เข้าเงื่อนไขนี้”