เลือกตั้ง 62 : วิเคราะห์ศึกช้างชนช้าง หลักสี่-จตุจักร ศึก 3 เส้า 3 พรรคใหญ่ เพื่อไทย ปชป. พลังประชารัฐ

ในสนามเลือกตั้ง 2562 พื้นที่กรุงเทพมหานคร 30 เขต อีกหนึ่งเขตที่น่าจับตามอง คือ เขต 9 หลักสี่ และเขตจตุจักร เฉพาะแขวงลาดยาว เสนานิคม จันทรเกษม (ยกเว้นแขวงจตุจักรและแขวงจอมพล) เขตนี้มีอดีต ส.ส.จากการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย ปี 2554 ลงเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย แต่ผู้ที่อาสาลงมาแข่งขันมาจาก 2 พรรคใหญ่ ที่ช่วงชิงการนำในการจัดตั้งรัฐบาลและทั้ง 2 คนก็เป็นคนดังในหน้าของข่าวสาร 

ย้อนกลับไปดูการเลือกตั้ง ปี 2554 ครั้งนั้น เขตหลักสี่รวมกับดอนเมือง (เฉพาะแขวงสนามบิน)
สุรชาติ เทียนทอง จากเพื่อไทย ได้ 28,376 คะแนน เอาชนะ 2 อดีต ส.ส. คู่แข่งสำคัญ
ทั้ง สกลธี ภัททิยกุล จากประชาธิปัตย์ ที่ได้ 25,704 คะแนน ถือเป็นการเอาชนะ แชมป์เก่า อดีต ส.ส.ปี 2550 ยุครวมเขตพวงใหญ่ หลักสี่-จตุจักร-บางซื่อ ที่ประชาธิปัตย์ได้ยกทีม
และ ศุภมาศ อิศรภักดี อดีต ส.ส.เขตหลักสี่ 2 สมัยยุคพรรคไทยรักไทย แต่หลังจากเปลี่ยนสีเสื้อไปสังกัดภูมิใจไทย ไม่เคยชนะเลือกตั้งอีกเลย โดยได้ไป 14,474

ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ สุรชาติ เทียนทอง ยังคงลงสมัครในพื้นที่เดิม
หลายคนเห็นนามสกุล “เทียนทอง” จะนึกไปถึง นายเสนาะ เทียนทอง และ จ.สระแก้ว
สุรชาติ วัย 39 ปี เป็นลูกชายกับภรรยาคนแรกของนายเสนาะ ก่อนจะสมรสใหม่กับ นางอุไรวรรณ เทียนทอง  แม้จะไม่ได้มีข่าวคราวดังเหมือน “เทียนทอง” คนอื่น แต่จุดแข็งคือการเกาะติดพื้นที่

เดิมเขาทำพื้นที่จตุจักร และลงสมัครในนามพรรคประชาราช ที่มีคุณพ่อเป็นหัวหน้าพรรค เมื่อปี 2550 แต่แพ้พรรคประชาธิปัตย์ ก่อนจะย้ายมาร่วมพรรคเพื่อไทยและได้รับมอบหมายให้ลงสนามในเขตหลักสี่ ในการเลือกตั้ง 2554 และชนะเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยแรก
ในยุคว่างเว้นการเลือกตั้งไปนาน สุรชาติยังลงพื้นที่สม่ำเสมอ และเคยเป็นข่าวเมื่อปีที่แล้วที่เขาโพสต์หนังสือจาก ผอ.เขตหลักสี่ ที่สั่งห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง รวมทั้งการให้บริการฉีดยุงและฉีดวัคซีนสุนัขและแมวให้กับประชาชนในพื้นที่ ก่อนที่ต่อมาทางเขตให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยระบุว่าเกิดการเข้าใจผิดกัน

ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ส่งหน้าใหม่ในเวทีเลือกตั้ง แต่เป็นคนดังในวงการตำรวจ คือ “ผู้การแต้ม” พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายามือปราบหูดำ เพราะมีปานดำที่หู เป็นมือสืบสวนและการปราบปรามยาเสพติด จึงถูกวางเป็นมือทำงานด้านนโยบายปรามปรามยาเสพติดของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ โดยประกาศนโยบายฮือฮา ให้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ทำคดียาเสพติดแทนตำรวจ

แม้จะลงสมัคร ส.ส.ครั้งแรก แต่งานการเมือง เคยเป็นที่ปรึกษา ให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดูแลด้านจัดระเบียบความเรียบร้อยและการปราบปรามยาเสพติดมาแล้ว

ส่วนอีกคน สิระ เจนจาคะ จากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่คนหน้าใหม่ในพื้นที่นี้ เลือกตั้งปี 2554 เขาสังกัดพรรครักษ์สันติ ได้มา 2,437 คะแนน  แต่นั่นคือเมื่อครั้งไม่มีใครคุ้นกับชื่อนี้ มาครั้งนี้สังกัดพรรคใหม่ที่มีลุ้นถึงได้จัดตั้งรัฐบาลคือ พรรคพลังประชารัฐ

เขาเป็นเจ้าของธุรกิจบ้านทรงไทย ตรงข้ามกับศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เป็นเป็นหนึ่งในศิษย์เอกของอดีตหลวงปู่พุทธะอิสระ เมื่อครั้ง กปปส.ชุมนุมในพื้นที่นี้ก็เคยมาใช้เป็นที่พัก และเคยได้รับการแต่งตั้งจาก คสช. เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เป็นทั้งนักธุรกิจและทนายความ

สนามเลือกตั้งเขต 9 ครั้งนี้ น่าสนใจที่การขีดเส้นแบ่งใหม่ไม่มีพื้นที่ดอนเมือง แต่เปลี่ยนมาเป็นจตุจักรถึง 3 แขวง โดยกินพื้นที่ทั้งเขตหลักสี่ กว้างไปจนถึง ซ.เสือใหญ่อุทิศ ใกล้กับ มรภ.จันทรเกษม และ ถึง ซ.ลาดพร้าว 41 (ซอยภาวนา) ซึ่งกว้างกว่าพื้นที่เดิมมาก

มีการมองกันว่า การแบ่งใหม่อาจจะส่งผลดีต่อประชาธิปัตย์มากขึ้น เพราะรู้กันว่าดอนเมืองเป็นพื้นที่ที่เจาะไม่เข้า (ยกเว้นเฉพาะครั้งเลือกตั้งซ่อมจาก แทนคุณ จิตต์อิสระ) และพื้นที่ใหม่คือจตุจักร ประชาธิปัตย์ก็มีฐานเสียงอยู่  ประกอบกับผู้สมัครอย่าง “ผู้การแต้ม” ก็ชื่อชั้นไม่ธรรมดาบวกกับคอนเน็กชั่นที่มี

ฝั่งสิระ เจนจาคะ จากพลังประชารัฐ นอกจากอยู่ในพื้นที่มานานแล้ว แน่นอนว่าต้องได้รับการสนับสนุนจาก สกลธี ภัททิยกุล อดีต ส.ส.หลักสี่ ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก คสช.ให้เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. และมีชื่อเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐด้วย

ส่วนแชมป์เก่า สุรชาติ จุดแข็งคือ ทำพื้นที่นี้มาร่วม 10 ปี และถ้าย้อนกลับไปก็เคยทำพื้นที่เขตจตุจักรมาก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับเพื่อไทยด้วยซ้ำไป เขาเคยบอกว่า “การลงพื้นที่มันก็เหมือนกับการวิ่งมาราธอน ถ้าเราทำอยู่เสมอมันก็ชิน มันก็ไปได้ไกลขึ้น”

ปี 2554 เขตนี้ผู้สมัครรู้จักกันหาเสียงกันแบบประนีประนอม ครั้งนี้น่าติดตามว่าจะดุเดือดหรือไม่ ในเมื่อ 3 ผู้สมัครจาก 3 พรรคต่างมีจุดแข็ง และสถานการณ์การเมืองในวันนี้ทุกเก้าอี้ ส.ส.และทุกคะแนนเสียงล้วนสำคัญต่อทิศทางทางการเมืองของประเทศ