ไทยถูกจัดอันดับทุจริตลดลงอยู่ในลำดับ 4 ของอาเซียน แม้รัฐบาลจะยืนยันว่าสถานการณ์การทุจริตในประเทศดีขึ้นตามลำดับ จากค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทยที่ลดลง แต่พบว่าในรอบ 11 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปพัวพันกับการทุจริตมากกว่า 3 หมื่นคดี
วันนี้ (25 ม.ค. 62) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ประจำปี 2562 ในวันครบรอบแห่งการสถาปนา 11 ปี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.
รองนายกรัฐมนตรีระบุว่าแม้ว่าสถานการณ์การทุจริตในปัจจุบันจะดีขึ้นตามลำดับ จากค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย ที่ถูกจัดอันดับการประเมินโดยองค์กรความโปร่งใสนานาชาติครั้งล่าสุดในปี 2560 ไทยได้คะแนน 37 คะแนน อยู่ในลำดับที่ 96 จากประเทศที่เข้าร่วมประเมิน ทั้งหมด 180 ประเทศ และไทยยังอยู่ในลำดับที่ 4 ของอาเซียน รองจากประเทศสิงคโปร์ บูรไน และมาเลเซีย
สะท้อนให้เห็นภาพลักษณ์ประเทศไทย ที่มีการทุจริตลดลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการทุจริตหมดไปจากสังคมไทย เพราะยังมีช่องว่างให้เกิดการทุจริต ซึ่งประเทศไทยต้องเดินหน้าปฏิรูปสังคมสู่การต่อต้านการทุจริตในทุกรูปแบบต่อไป
ขณะที่ พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า จากการดำเนินงานตรวจสอบร้องเรียนการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ปี 2551 ถึง 2562 สำนักงาน ป.ป.ท พบว่ามีการร้องเรียนมากถึง 35,580 คดี
รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ท. ยังระบุว่า การตรวจสอบที่ผ่านมาเป็นไปอย่างเข้มข้น เช่น คดีทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่งของกระทรวงการพัฒนาสังคมและมั่นคงของมนุษย์ ที่มีการขยายผลตรวจสอบพบมูลทุจริตเกือบทั่วประเทศ แต่ก็พบว่าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถแก้ไขให้ได้สำเร็จด้วยการใช้กลไกภาครัฐเพียงอย่างเดียว ต้องใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชน ภายใต้กรอบการดำเนินงานในปีนี้ “คนโกงรายเก่าต้องหมดไป คนโกงรายใหม่ต้องไม่เกิด ไม่เปิดโอกาสให้โกง”