“ลดจุดธูป-เผากระดาษฯ” กระทบยอดขายตรุษจีน ผู้ค้า-ผู้บริโภค เต็มใจร่วมมือช่วยลดฝุ่นละออง

ฝุ่นละออง PM2.5 กระทบตรุษจีน ภาครัฐขอความร่วมมือชาวไทยเชื้อสายจีน ลดการเผากระดาษ จุดธูป จุดประทัด หวันเพิ่มมลพิษ กระทบผู้ค้ายอดขายกระเงินกระดาษทองลดลงอย่างเห็นได้ชัด

วันนี้ (4 ก.พ. 2562) ถือว่าตื่นตัวกันทุกภาคส่วน หลังประเทศไทยได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ล่าสุดหน่วยงานภาครัฐได้ขอความร่วมมือไปยังชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯเเละปริมณฑล ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ หากเป็นไปได้ให้งดจุดธูปหรือลดการจุดธูปลง และดูเหมือนว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี
ซึ่งผู้บริโภคบางส่วนมีการลดกิจกรรมนี้ลง แต่อาจมีผลกระทบกับผู้ค้าที่ยอมรับว่ายอดขาย ธูป ประทัด ลดลงอย่างชัดเจน

ส่วนการซื้อของไหว้เจ้าจากการสำรวจพบว่า ประชาชนเลือกซื้ออย่างพิถีพิถันมากขึ้น ทั้งเนื้อสัตว์ ผลไม้ ขนมหวาน ซึ่งเจ้าของร้านขายขนมรายหนึ่งเล่าว่า ตามปกติ ลูกค้าจะมาซื้อขนมก่อนวันจ่าย 1-2 วัน แต่ปีนี้ค่อนข้างเงียบ คึกคักเฉพาะวันจ่ายเพียงวันเดียวและปริมาณการซื้อก็ยังลดลง คาดว่ายอดขายปีนี้ น่าจะต่ำกว่าปีก่อน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจ

ด้านกรมการค้าภายใน เปิดเผยข้อมูลว่า จากการสำรวจช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่ตลาดกรมภูธเรศ เขตสัมพันธ์วงศ์ พบว่า ในปีนี้ภาพรวมราคาวัตถุดิบไม่ได้ปรับขึ้น ยังคงจำหน่ายในราคาเดียวกับช่วงเทศกาลตรุษจีนของปีที่ผ่านมา โดยราคาเนื้อสุกรชำแหละ เป็ดสด ไก่สด และผลไม้ ในปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่ผักสดบางรายการปรับลดลง ส่วนราคาเครื่องไหว้ ไม่ได้ปรับขึ้นราคา ชุดเล็ก ราคาเริ่มต้นที่ 80 บาท กระดาษเงิน กระดาษทองราคาอยู่ที่ 12-20 บาทต่อชุด

รวมไปถึงเครื่องไหว้ “ทองคำ” ที่มักจะซื้อเป็นของขวัญ เป็นอั่งเปา แต่ปีนี้ไม่คึกคักเท่าที่ควร ปริมาณการซื้อลดลงไปร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีที่เเล้ว ด้านสมาคมค้าทองคำเชื่อว่า ทองคำจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง ราคาทองคำเเท่งอยู่ที่บาทละ 19,550 บาท ส่วนทองรูปพรรณอยู่ที่ 20,050 บาท

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่น 3 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.9 หากเทียบกับปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับเพิ่มจากค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวและทำบุญ ซึ่งมีแนวโน้มลด เงินแต๊ะเอียก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดกว่ากิจกรรมอื่น