พลังประชารัฐ เปิดนโยบายเพิ่มรายได้ ชูลดภาษีแต่ขยายฐานกว้างขึ้น

เปิดนโยบาย เพิ่มรายได้ ลดภาษี และให้โอกาส “พลังประชารัฐ” หวังเป็นหมัดเด็ด โชว์แนวทางทำให้เศรษฐกิจดีได้จริง พร้อมปล่อยนโยบายเฉพาะสำหรับคนกรุงเพิ่ม หวังเบียดประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ปักธง ส.ส.กทม.ได้

วันที่ 27 ก.พ. เวลา 09.00 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสนรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์กรุงเทพฯ, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค ร่วมแถลงเปิดนโยบาย เพิ่มรายได้ ลดภาษี และให้โอกาส

นายอุตตม กล่าวว่า นโยบายเพิ่มรายได้ จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจหมุนเวียน ทั้งการเพิ่มค่าแรงเพิ่มฝีมือ ยกระดับอาชีวะ ให้ตอบโจทย์ด้านการพัฒนาของประเทศ การดูแลบุคคลที่ใกล้เกษียณหรือเกษียณแล้วแต่ยังมีความรู้ความสามารถให้มีงานทำ ตามแนวทาง 60 ปี มีคุณค่ามีประสบการณ์ มีรายได้เสริม และการจัดพื้นที่ทำกินเพิ่มพื้นที่ขายให้คนทุกระดับ

นโยบายลดภาษี ด้วยการลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดา 10% เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ปลอดภาษี 2 ปี เพื่อให้ตั้งตัวได้เร็ว เช่นเดียวกับ เด็กจบใหม่ลดภาษี 5 ปี เพื่อตั้งตัวและมีรายได้เร็วขึ้น ซึ่งเรื่องภาษีเราปรับทั้งระบบโดยรวม จึงไม่ทำให้กระทบรายได้จากการจัดเก็บภาษีของประเทศ

นโยบายให้โอกาส คือ ฟรีแลนซ์ ฟรีสวัสดิการ, 50 ถนนคนเดิน 50 เขต ปล่อยของได้ตังค์ และสตาร์ทอัพ ไอเดียดี มีทุน เพื่อให้ธุรกิจใหม่ได้เกิดและเป็นกำลังสำคัญของประเทศ   นายอุตตม ยืนยันว่า นโยบายของพรรคทำได้แน่นอน ทำได้จริงเพราะศึกษามาแล้วและทำได้ทันทีหากได้เป็นรัฐบาล

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า 3 นโยบายใหญ่เป็นแคมเปญของพรรคที่เน้นเพิ่มรายได้ประเทศ เพิ่มรายได้ประชาชน การเพิ่มรายได้ประเทศ คือ นโยบายข้าว พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน การเพิ่มไม่ได้พูดขึ้นมาเฉยๆ แต่กำลังจะต่อยอด จากที่เคยทำมาสมัยเป็นรัฐมนตรี เรามีความสามารถที่จะเพิ่มและเร่งสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศได้รับความเชื่อมั่น พรรคทำแล้วรู้แล้วว่าทำอย่างไรและมั่นใจว่าทำต่อได้ ส่วนการเพิ่มรายได้ประชาชน คือการลดภาษี เพื่อขยายฐานภาษีให้คนเข้าสู่ระบบภาษีเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับการขายของออนไลน์ ที่ต้องให้โอกาสพ่อค้า แม่ค้าตั้งตัว

“พรรคไม่ทำนโยบายเชิงวาทกรรม อย่างกระเป๋าแฟ่บ กระเป๋าตุง แต่เราทำนโยบายที่จับต้องได้ให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กับความสามารถและความมั่นคงในชีวิตไม่ใช่นโยบายที่ฉาบฉวย”

ขณะเดียวกันพรรคพลังประชารัฐ ยังได้แถลงนโยบาย กทม.เพิ่มเติมอีก 3 นโยบาย คือ นโยบายขนส่งไร้รอยต่อ นโยบายปลอดภัยใกล้ตัว นโยบายสร้างสุขคนกรุง หลังจากแถลงไป 2 นโยบายก่อนหน้านี้

นโยบายขนส่งไร้รอยต่อ ประกอบด้วย
– การจราจร AI แยกไหนก็ไหลลื่น เพราะรถติดเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้น 4 แยกทุก 4 แยก ต้องเชื่อมกันเป็นระบบ ด้วยการใช้ เอไอเข้ามาแก้ปัญหาด้วยระบบสัญญานไฟจราจรอัติโนมัติ
– Bangkok การ์ดชีวิตง่ายในบัตรเดียว สามารถเดินทางได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรถ รถไฟฟ้า เรือ ใช้สัญจรได้ในบัตรเดียว ทุกการขนส่งใน กทม.
– รถเมล์ Midnight ถือ เป็นไฮไลท์ เพราะพรรคต้องการผลักดันให้มีรถเมล์วิ่งตอนดึกให้ประชาชนมีทางเลือกในการกลับบ้านได้ไม่ใช่ต้องนั่งแค่แท๊กซี่ รวมถึงรถไฟฟ้าก็ต้องขยายเวลาทั่วกรุง ไม่ใช่ปิดแค่เที่ยงคืน
– ทางเท้าปลอดภัยเดินได้ไร้กังวล
– วินปลอดภัยได้มาตรฐาน
– แท็กซี่โอเคเรียกง่ายไม่ปฏิเสธ ด้วยการใช้แอพพลิเคชั่น

นโยบายปลอดภัยใกล้ตัว
– CCTV ทุกเขตปลอดภัยอยู่ในสายตา
– Bangkok SOS ปลอดภัยครบจบแอพฯ เดียว สำหรับแจ้งเหตุ ไฟไหม้ อุบัติเหตุ แจ้งเหตุร้ายเหตุด่วนที่จุดเดียว ให้ กทม.ปลอดภัย
– สองล้ออาสาฝ่าฉุกเฉิน เนื่องจาก กทม.มีปัญหารถติด ดังนั้นเรานำวินมอเตอร์ไซด์มาอบรมและให้มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ช่วยชีวิตเบื้องต้น 100 คันต่อ1เขต กระจาย 50 เขต รวม5,000 คนเพื่อช่วยชีวิตเบื้องต้น ระหว่างรอรถพยาบาลหลัก
– App เชื่อมหมอไว้ใกล้มือคุณ เป็นแอพพลิเคชั่น เชื่อมโยงกระทรวงสาธารณสุข เพราะมีหลายโรคที่ไม่ต้องไปโรงพยาบาล สามารถถ่ายรูปให้หมอดู และบอกอาการเบื้องต้น หมอก็จะทำการวินิจฉัยเบื้องต้น ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย

นโยบายสร้างสุขคนกรุง
– มาตรฐานเดียวทั่วกรุงมุ่งได้ 3 ภาษา มุ่งเน้นให้ทุกโรงเรียน สอนภาษาไทย อังกฤษ และภาษาทางเลือกตามที่เด็กสนใจ
– ธนาคารเพื่อการศึกษา เป็นกองทุนกู้ยืมให้เยาวชนที่อยากเรียนต่อ
– ครู 180 องศา เรียนเก่ง ทุนฟรี สวัสดิการดี รายได้สูง
– กรุงเทพน่าเที่ยวโลคอล-เมืองใหม่ Hip ได้ทั่วกรุง เพื่อจัดระบบการท่องเที่ยวให้เชื่อมต่อ เข้าถึงท้องถิ่น ชุมชน เพราะ กทม.เป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นมหานครของโลก