ไทยรักษาชาติ พร้อมไปศาลฟังผลคดียุบพรรค 7 มี.ค.

“ปรีชาพล” เผยน้อมรับคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ 7 มี.ค. ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินอย่างไร แต่กังวลเห็นคำคัดค้านของ กกต. และเสียดายไม่มีโอกาสได้ชี้แจง เพราะศาลไม่ได้สั่งสืบพยาน ฝากแฟนคลับพรรคติดตามผลที่บ้าน ป้องกันเหตุแทรกซ้อน

วันที่ 4 มี.ค. ร้อยโทปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีที่ กกต.ยื่นเรื่องให้พิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ วันที่ 7 มี.ค. ว่า วันนี้เป็นการเข้ามาทำงานที่พรรคตามปกติ ไม่ใช่การประชุมทางการ แต่คงมีการหารือถึงการไปรับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องของการตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคถือเป็นการพ่วงกับคำร้องของ กกต. ซึ่งขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาล

แฟ้มภาพ

ร้อยโทปรีชาพล กล่าวต่อว่า เรื่องการเตรียมการต่างๆ ระหว่างนี้พรรคได้แยกการทำงานในส่วนของคดีและการหาเสียงเพื่อสื่อสารกับประชาชน แต่จะไม่มีการนำเรื่องคดียุบพรรคไปขยายความหรือสร้างสถานการณ์ใดๆ

“คณะกรรมการบริหารพรรคมีความชัดเจนในจุดยืน ได้แจ้งกับประชาชนไปแล้วว่าคณะกรรมการบริหารพรรคขอเน้นในการชี้แจงคดี ซึ่งเหลืออีกไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียง ทั้งกรรมการยุทธศาสตร์และกรรมการรณรงค์หาเสียง มีหน้าที่ความรับผิดชอบที่ลงไปสื่อสารกับประชาชน ลงไปให้กำลังใจกับผู้สมัครของเรา ทั้ง 175 เขตเลือกตั้งทั้วประเทศ ซึ่งหยุดไม่ได้ โดยเราแยกกันทำงานเพื่อให้เกิดความสบายใจของหลายฝ่าย และไม่อยากให้ใครนำเรื่องคดียุบพรรค ไปขยายหรือฉกฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองเพราะเราปรารถนาที่จะเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 24 มี.ค.เช่นเดียวกับประชาชนทุกคน”

สำหรับวันที่ 7 มี.ค. นี้ กรรมการบริหารพรรคก็จะไปฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และผลออกมาอย่างไรก็พร้อมน้อมรับ เพราะทุกคนอยู่ในประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราเองในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ก็ได้ทำเรื่องชี้แจงเป็นเอกสารไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ก็เกิดความเสียดายอยู่บ้างที่ไม่มีโอกาสได้เข้าชี้แจงในฐานะพยาน เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ให้สืบพยาน แต่คิดว่าในส่วนของพยานเอกสารได้ชี้แจงค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่ได้เห็นคำคัดค้านของ กกต.ก็มีความไม่สบายใจอยู่บ้าง ซึ่งถ้าหากเราได้ชี้แจงคงตอบได้ทุกคำถาม

หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ยังระบุด้วยว่า ขอให้ประชาชนที่เมตตาและสนับสนุนพรรคติดตามชมผลการวินิจฉัยอยู่ที่บ้าน เพราะไม่อยากให้เกิดการสร้างสถานการณ์ใดๆ และไม่ขอพูดถึงรายละเอียดว่าได้พูดคุยกับผู้ที่พรรคเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน