SHARE

คัดลอกแล้ว

ชาวสวนวัย 91 ปี เคยบริจาคเงินสร้างศาลาการเปรียญ 4 ล้านบาท ไปขอเบิกถอนอีก 2 ล้านจากธนาคาร หวังจะนำไปสร้างมณฑปให้วัด แทบเป็นลมทั้งยืน เงินในบัญชีราว 5 ล้านถูกถอนไปเกือบหมด เหลืออยู่แค่ 3 แสน 

นายถน พรหมจันทร์ อายุ 91 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 15 ตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เล่าว่า เงินในบัญชีธนาคารหายไปเกือบ 5 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารบ่ายเบี่ยงไม่ให้คำตอบที่ไม่ชัดเจน และได้ร้องเรียนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง แต่เรื่องก็เงียบหาย

นายถนวัย 91 ปี เล่าว่า ตนมีลูก 7 คน เป็นชาย 5 คน ผู้หญิง 2 คน ส่วนภรรยาเสียชีวิตหลายปีแล้ว มีที่ดินอยู่ในพื้นที่ตำบลรับร่อ และตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ จำนวน 230 ไร่ ส่วนลูกๆ เมื่อเติบโตมีครอบครัว ตนได้แบ่งที่ดินให้ไปทำกินเท่าๆ กันทุกคน ปัจจุบันตนมีที่ดินเหลืออยู่ 70 ไร่ ได้ปลูกสวนยางพาราทั้งหมด เก็บเกี่ยวผลประโยชน์มานาน 20 ปีแล้ว โดยนำเงินที่ขายยางพาราไปฝากไว้กับธนาคารเเห่งหนึ่งใน ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ เพื่อเป็นเงินออมเก็บไว้ใช้ส่วนตัว และทำบุญยามแก่เฒ่า เพราะไม่อยากรบกวนใคร ปัจจุบันมีลูกๆ หลานๆ แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนดูแลที่บ้านอยู่ตลอดเวลา

นายถนกล่าวว่าต่อมาในช่วงปลายปี 59 – 60 ตนได้ไปถอนเงิน เป็นเงินที่ได้จากการลงทุนซื้อสลาก สัญญา 3 ปี จำนวน 4 ล้านบาท โดยเบิกถอนครั้งละ 1 ล้านบาท รวม 4 ครั้ง จำนวน 4 ล้านบาท ไปมอบให้กับผู้รับเหมาที่ก่อสร้างศาลาการเปรียญรองรับชาวบ้านได้กว่า 200 คน ซึ่งตนสร้างมอบให้กับวัดวังตะเคียน ตำบลท่าข้าม หลังถอนเงินหมด ตนก็ปิดสมุดบัญชีเงินฝากเล่มดังกล่าวไปด้วย

นายถนกล่าวว่าต่อมาตนได้เปิดบัญชีเล่มใหม่กับธนาคารเดิม ใช้ชื่อตนร่วมกับชื่อลูกชายอีกคนไว้เผื่อยามฉุกเฉิน โดยมีเงินจากการขายยางพาราฝากสะสมเรื่อยมาจนมีมากกว่า 2,800,000 บาท และเงินที่ซื้อสลากของธนาคาร

ครบตามสัญญา 3 ปี โอนเข้าบัญชีอีกจำนวน 1,679,890 บาท  พร้อมดอกเบี้ยและเงินฝากอื่นๆ อีกรวมมากกว่า 5 ล้านบาท โดยสมุดเงินฝาก ตนเป็นผู้เก็บไว้อย่างดีที่บ้าน

กระทั่งเมื่อกลางปี 61 ตนจะไปถอนเงินจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อนำไปทำบุญสร้างมณฑปให้แก่วัดแหลมยาง ตำบลท่าแซะ อ.ท่าแซะ เมื่อเจ้าหน้าที่ธนาคารเอาสมุดบัญชีเงินฝากไปตรวจสอบแล้วบอกว่า มีการเบิกถอนเงินไปเกือบหมดแล้ว เหลืออยู่เพียง 3 แสนบาทเท่านั้น ตนถึงกับตกใจ และบอกว่าที่ผ่านมามีแต่เอาเงินมาฝาก ไม่เคยมาถอนเลยแม้แต่สักครั้งเดียว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่ามีการเบิกถอนไปแล้วจริงๆ ครั้งแรกถอนไปกว่า 3 ล้านบาท ครั้งที่ 2 อีก 1 ล้านบาท รวมเงินของตนหายเกือบ 5 ล้านบาท และก็ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนว่า ใครมาเบิกถอนและเบิกถอนไปได้อย่างไร

นายถนกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนได้ไปแจ้งความที่ สภ.ท่าแซะ แต่ตำรวจบอกว่าให้ตนไปเอาหลักฐานและสลิปเบิกถอนจากธนาคารมา เมื่อตนไปขอที่ธนาคารเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ให้ไม่ได้ เพราะเอกสารดังกล่าวเป็นความลับของธนาคารไม่สามารถให้ใครไปได้ ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่เข้าใจ เรียนหนังสือจบแค่ ป.4 สมัยก่อน โทรศัพท์ก็ไม่มี ใช้ไม่เป็น เจ้าหน้าที่บอกอย่างไรตนก็เชื่อหมด

ต่อมาตนได้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร และร้องเรียนทหารที่มณฑลทหารบกที่ 44 ชุมพร เรื่องก็เงียบหาย ไม่เห็นมีใครมาสอบถามอะไรตนเลย มีแต่นายทหารมาบอกกับตนว่า ลุงมีเงินอยู่เพียง 4 ล้านบาทเท่านั้น แต่ได้เบิกไปหมดแล้ว ซึ่งตนก็บอกไปว่าเงิน 4 ล้านที่เบิกไปสร้างศาลาการเปรียญนั้นเป็นเงินจากสมุดเงินฝากคนละบัญชีกันกับเงินที่หายไป แต่ก็ไม่เห็นได้ดำเนินการใดๆ อีกเลย

นายถนกล่าวว่า เมื่อเรื่องร้องเรียนผ่านไปนานหลายเดือน ไม่มีอะไรคืบหน้าจนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 62 ที่ผ่านมาตนได้เดินทางไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เพื่อสอบถามความคืบหน้าเรื่องร้องเรียนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ หลังจากตนกลับมาบ้านก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ 4 นาย มาสอบปากคำตนแล้วก็กลับไป

เงินที่มีการเบิกถอนไปจากธนาคาร ตนได้ถามลูกหลานแล้วและทุกคนบอกว่าไม่มีใครรู้เรื่อง เมื่อสอบถามจากทางธนาคารเจ้าหน้าที่ก็โยนไปมา ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าใครเป็นคนไปเบิกเงินตน เบิกถอนไปได้อย่างไร ซึ่งตนจะเอาเรื่องและดำเนินคดีความให้ถึงที่สุด ไม่ว่าใคร หรือแม้แต่ลูกหลานก็ตาม

ตนยืนยันว่าไม่เคยไปเบิกถอนเงินดังกล่าวเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เหตุใดเงินจึงหายไป และธนาคารก็ไม่มีความรับผิดชอบ เพราะเป็นเงินที่ตนเก็บอดออมไว้ใช้ส่วนตัวและทำบุญ เป็นที่พึ่งทางใจยามแก่เฒ่า จึงต้องร้องเรียนสื่อ อยากให้ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบให้ตนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อสอบถามไปยังผู้บริหารของธนาคารดังกล่าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ ซึ่งความคืบหน้าข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว จะติดตามมารายงานให้ทราบต่อไป

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า