คุยไม่ลงตัว ชาวบ้าน-เทศบาล รอศาลสรุปข้อยุติชำระหนี้ค่าน้ำประปาแพงโหด

ประเด็นคือ- เทศบาลเมืองราชบุรี มีหนังสือให้ชาวบ้านผู้ใช้น้ำจำนวน 176 รายในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี เข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมเทศบาลเมือง เพื่อหาแนวทางประนอมหนี้ค่าน้ำที่แพงมหาโหดรวมกว่า 1 ล้านบาท สุดท้ายได้ข้อสรุป ชาวบ้านไม่ขอจ่ายเงิน แต่ขอพึ่งบารมีศาลให้ความเป็นธรรม

วันนี้ (30 ต.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมเทศบาลเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี นายกิตติเมศร์ วโรภาสเรืองฤทธิ์ รองปลัดเทศบาลเมือง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองการประปา ปฏิบัติราชการแทนนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี ได้มีหนังสือเรียกประชาชนผู้ใช้น้ำในพื้นที่เมืองราชบุรีให้มาประชุม เพื่อประนอมหนี้เงินค่าน้ำประปาจากการที่มีประชาชนไม่ได้จ่ายค่าน้ำช่วงระหว่างเดือนกันยายน – พฤศจิกายน 2558  เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ให้มีความเข้าใจตรงกัน

ฟากประชาชน มีตัวแทนผู้ใช้น้ำนำโดยนายสมพร ห้าวสพโชค พร้อมประชาชนเข้าร่วมรับฟังแบ่งเป็น 2 รอบเช้าและบ่าย รวม 176 ราย เป็นเงินจำนวน 1,969,791.82 บาท  ซึ่งบางรายมีค่าน้ำประปาในเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ที่ค้างชำระสูงมากถึงรายละกว่า 1,000- 43,000 บาท มีทั้งข้าราชการทหาร ตำรวจ แพทย์ และเจ้าหน้าหน่วยงานภาครัฐและประชาชนทั่วไป ถูกเทศบาลแจ้งการค้างชำระเงินค่าน้ำประปาที่แพงเกินความเป็นจริง

ขณะที่ประชาชนผู้ใช้น้ำเคยทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหา  เช่น ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดราชบุรี สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว

แต่ทางเทศบาลเมืองราชบุรี โดยกองการประปาเทศบาลเมืองราชบุรีได้มีหนังสือถึงประชาชนว่า จะได้นำเรื่องดังกล่าวส่งอัยการเพื่อยื่นฟ้องศาลบังคับชำระหนี้ ดำเนินคดีแพ่ง แก่ประชาชนที่ไม่มาติดต่อและเพิกเฉยจำนวน 176 ครัวเรือน

นายกิตติเมศร์ วโรภาสเรืองฤทธิ์ รองปลัดเทศบาลเมือง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองการประปา ปฏิบัติราชการแทนนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี เปิดเผยว่า มีความเข้าใจประชาชนและอยากจะเยียวยาให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นได้หารือแนวทางแก้ปัญหาไปยังกรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่นได้ให้แนวทางว่า มูลหนี้ที่เกิดขึ้นเป็นมูลหนี้ที่เกิดจากการใช้น้ำจริง ไม่สามารถที่จะยกเลิกมูลหนี้ได้ แต่ทั้งนี้จะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน จึงศึกษาระเบียบข้อมูลต่างๆ พร้อมทั้งพูดคุยกับทางอัยการซึ่งได้แนะนำว่า มูลหนี้ที่เกิดขึ้นควรจะเยียวยาประชาชน โดยที่ราชการจะไม่เสียประโยชน์ ไม่ขาดทุนคือ ไม่ควรคิดอัตราก้าวหน้า ควรคิดอัตราคงที่คือราคาหน่วยละ 3 บาทตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของการประปาเมื่อปี พ.ศ.2528 โดยจะพยายามเยียวยาประชาชนในอัตราต่ำสุด

แต่ถ้าหากประชาชนมีความเห็นว่าตรงนี้ไม่ควรต้องรับผิดชอบ ทางเทศบาลยินดีจะนำข้อเสนอวันนี้ให้ศาลพิจารณาให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งเทศบาลและประชาชนและเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดี คาดว่าจะส่งข้อมูลไปถึงศาลจังหวัดภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าหรือความเสียหายต่อประชาชน รวมทั้งข้อขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น

ด้าน ร.ต.ต.นายสมพร ห้าวสพโชค ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มผู้ใช้น้ำ ซึ่งเสียค่าน้ำประปาที่แพงสูงกว่าปกติ ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 เป็นเงิน 5,793.92 บาท ขณะที่เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2560 เสียค่าน้ำจำนวน 315.12 บาท เปิดเผยว่า ทางเทศบาลเรียกมาประชุม โดยความเห็นชาวบ้านส่วนมาก จะไม่ยอมผ่อนชำระตามที่เทศบาลแนะนำ โดยทางเทศบาลจะให้เก็บอัตราก้าวหน้า 3 บาท  ถามว่าอัตราเก็บน้ำก้าวหน้า 3 บาท ถ้าไม่ยอมรับตรงนี้แล้ว ต่อไปมีเรื่องราวเกิดขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ คนที่จะชี้ขาดได้คือ ศาล ถ้าเทศบาลจะฟ้องศาล จะต้องส่งเรื่องไปที่อัยการ ถามว่าอาจจะไม่ฟ้องก็ได้เพราะมีหลักฐานชัดเจน หากไปผ่อนชำระค่าน้ำที่อัตราก้าวหน้า 3 บาท อนาคตหากมีหน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงจะทำอย่างไร ยกตัวอย่างประชาชนรายหนึ่งเสียค่าน้ำแพงมากเป็นเงินเดือนละ 43,000 บาท ขณะที่ช่วงที่ผ่านมาเสียเงินที่หลักร้อยบาท

ด้านประชาชนตั้งข้อสงสัยว่า ขณะที่ต้นเหตุเกิดจากหน่วยงานของเทศบาลโดยกองการประปา ซึ่งควรจะไปแก้ไขที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แก้ไขที่ปลายเหตุ มาให้ประชาชนที่ใช้น้ำต้องมารับผิดชอบ ตรงนี้ไม่ถูกต้อง และยังเป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมเทศบาลถึงเรียกประชุมผู้ใช้น้ำแบ่งเป็น 2 รอบ รวม 176 ราย เป็นเงินจำนวน 1,969,791.82 บาท ทั้งๆ ที่ห้องประชุมก็กว้างมากพอที่จะรองรับประชาชนได้ หรือกลัวว่าจะมีประชาชนไม่พอใจ เกิดการโต้เถียงกัน จึงได้แบ่งจัดประชุมเป็น 2 ช่วง ทั้งนี้มติประชาชนไม่ยอมจ่ายค่าน้ำประปาตามที่เรียกเก็บ ขอพึ่งบารมีศาลจังหวัดช่วยตัดสินวินิจฉัยชี้ขาด และประชาชนสามารถประนีประนอมต่อศาลได้

อย่างไรก็ตามในที่ประชุมมีชาวบ้านหลายคนได้ชี้แจงปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นว่า ต้นเหตุมาจากคนเก็บเงินที่จดค่าน้ำไม่ถูกต้อง แต่ถูกเทศบาลเมืองราชบุรี ดำเนินการเพียงแค่ไล่ออกจากงานเท่านั้น ไม่มีการพิจารณาสอบสวนเพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย แต่กลับมาแก้ปัญหาเอาที่ปลายเหตุให้ประชาชนต้องเป็นผู้ชดใช้เงินน้ำประปาที่แพงเกินความเป็นจริงแทน