“ฮอนด้า แอคคอร์ด” เป็นรถยนต์ที่สำคัญรุ่นหนึ่งของฮอนด้าที่อยู่คู่กับผู้บริโภคมานาน และถูกผลิตออกมาถึง 9 เจเนอเรชั่น และในทุก ๆ เจนเนอเรชั่น แอคคอร์ดก็ได้เป็นผู้นำเทคโนโลยียนตรกรรมใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดเพื่อต่อยอดการพัฒนายนตรกรรมอยู่เรื่อยมา จนมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 10 ในปัจจุบัน แอคคอร์ดยังคงเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการขับเคลื่อนและเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย พร้อมถ่ายทอดจิตวิญญาณความสปอร์ตพรีเมียมผ่านดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์สู่โลกบทใหม่แห่งยนตรกรรม
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่ผสานเอกลักษณ์ความหรูหราและความสปอร์ตไว้ได้อย่างลงตัว ขับเคลื่อนด้วยสองทางเลือกขุมพลัง ได้แก่ ขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO 190 แรงม้า และระบบ Sport Hybrid i-MMD ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้งานที่หลากหลายด้วยฟังกชันและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกบายล้ำสมัย ทั้งยังมั่นใจได้ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับพรีเมียม
ALL NEW ERA OF TECHNOLOGY – อีกระดับของเทคโนโลยีล้ำสมัยสู่ประสบการณ์ใหม่ของการขับเคลื่อน
ก้าวสู่อนาคตด้วยสองระบบขับเคลื่อนอันทรงพลัง ได้แก่
- เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า – ตอบสนองทุกการเร่งด้วยแรงบิด 243 นิวตัน-เมตร พร้อมเทคโนโลยีระบบหัวฉีด Direct injection และ Turbo Charger ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ให้สมรรถนะที่มากกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรในรุ่นเดิม แถมยังรองรับน้ำมัน E85 ได้อีกด้วย
-
- ระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) – ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 97 กรัม/กิโลเมตร
มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยอัจฉริยะรอบคัน อาทิ เทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING ที่ผสานการทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้า ในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ประกอบไปด้วย ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
นอกจากนี้ยังติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยระดับพรีเมียม อาทิ
- ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor: CTM) ด้วยเสียงและสัญลักษณ์เตือนบนหน้าจอ เมื่อมีรถยนต์คันอื่นขับสวนเข้ามาทางด้านซ้ายหรือขวาขณะรถถอย
- ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-View Camera System: MVCS) สามารถแสดงภาพได้ครบทุกมุมมองรอบคัน รวมถึงภาพจำลองจากมุมสูงเพื่อให้เห็นทุกทิศทาง ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นได้อย่างชัดเจน
- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ พร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) ระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ โดยเพียงแค่เดินหน้าหรือถอยหลังไปตามคำแนะนำ และตามตำแหน่งบนหน้าจอ เป็นต้น
ALL NEW CRAFTMANSHIP – อีกขั้นของดีไซน์ที่ความประณีตผสานความสปอร์ตพรีเมียม
การออกแบบภายนอกเรียบหรูแต่ประณีตในทุกรายละเอียด ด้วยเส้นสายที่ปราดเปรียวและเฉียบคม สะท้อนความสปอร์ตพรีเมียมอย่างเหนือระดับ มาพร้อมกระจังหน้าโครเมียมที่เชื่อมต่อกับไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Day Time Running Light) โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยไฟท้าย LED พร้อมด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ตขนาด 17 นิ้ว ในรุ่นเทอร์โบ และขนาด 18 นิ้ว ในรุ่นไฮบริด
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบอย่างประณีต ผสมผสานความความสปอร์ตพรีเมียมได้อย่างลงตัว ผ่านการใช้โครงสร้างเส้นสายในแนวนอน เพื่อทำให้บริเวณคอนโซลกลางโปร่งโล่ง และส่งผลให้มีพื้นที่ช่วงขามากขึ้น ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายมากมาย อาทิ
- ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-Up Display : HUD)
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI
- อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์และเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start)
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) มาพร้อมสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ได้แก่ สีไอวอรี่เบจ สีดำ และสีน้ำตาล (เฉพาะรุ่น HYBRID TECH) ซึ่งขึ้นอยู่กับสีตัวรถภายนอก โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่
- รุ่น HYBRID TECH ราคาไม่เกิน 1,800,000 บาท*
- รุ่น HYBRID ราคาไม่เกิน 1,650,000 บาท*
- รุ่น TURBO EL ราคาไม่เกิน 1,500,000 บาท*
*ทางฮอนด้า จะประกาศราคาอย่างเป็นทางการพร้อมการวางจำหน่าย ในเดือนพฤษภาคม 2562
ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัส ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ได้ที่งาน Bangkok International Motor Show ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2562 นี้ ณ บูธ A9 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ภายในงาน หรือที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือ http://bit.ly/2ToEqoG
(Advertorial)