10 Fight 10 | “ยิ่งเจ็บมันก็ยิ่งแข็งแรงขึ้น เปิดหัวใจอันทนทาน “บีม ศรัณยู”

ในรายการ 10 FIGHT 10 ที่รวบรวมดาราดังมาร่วมสังเวียนไว้ “บีม ศรัณยู ประชากริช” เป็นหนึ่งในคนที่ถูกมองว่ามีเชิงมวยที่ดี ด้วยพื้นฐานการเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

หนุ่มบีมมีความฝันเล็กๆ ว่าอยากจะยืนบนสังเวียนผ้าใบสักครั้งในชีวิต เหมือนเช่นนักมวยทีมชาติไทยอย่าง เขาทราย และสมจิตร ที่เจ้าตัวชื่นชอบ

และดูเหมือนว่าความฝันของผู้ชายคนนี้จะเป็นจริง เมื่อหนุ่มบีมตบเท้าเข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันในรายการ 10 FIGHT 10 หนึ่งในโปรเจกต์ที่เวิร์คพอยท์ ต้องการสร้างรายการบันเทิงรูปแบบใหม่ที่นำเอากีฬายอดนิยมอย่างมวยสากลมาให้ผู้ชมทางบ้านได้สัมผัส

โดยบรรดานักชกที่ร่วมประลองในเวทีแห่งนี้ ทางรายการได้คัดสรรมาจากศิลปิน-นักแสดงหนุ่ม ที่มีความชื่นชอบในกีฬาต่อสู้อย่างยิ่ง ซึ่งหนุ่มบีมก็เป็นหนึ่งในนั้น

ทีมงานของข่าวเวิร์คพอยท์ ได้มีโอกาสพูดคุยกับหนุ่มบีมในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เพื่อเปิดเผยตัวตนของผู้ชายคนนี้ให้มากขึ้น

เหตุผลที่รับมารายการ

ทางทีมงานติดต่อมาเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2561 ว่าสนใจโปรเจกต์ 10 FIGHT 10 มั้ย ซึ่งผมเองก็ตอบตกลงรับทันทีเลยครับ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าตอนเป็นเด็กเนี่ย เราชอบดูมวยอยู่แล้ว นักมวยที่เป็นไอดอลในวัยเด็กก็มีเขาทรายหรือพวกนักชกโอลิมปิกทั้งหลาย อีกอย่างมันมีความรู้สึกว่า เอ๊ะ ! ถ้าขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีเนี่ย มันจะเป็นยังไง มันจะต้องทำอะไรบ้าง ก็เลยมีความฝันที่อยากจะขึ้นชกแบบจริงจังสักครั้งหนึ่ง จนกระทั่งได้มีโอกาสจากรายการ 10 FIGHT 10 ได้มาชกมวยบนเวทีที่มีการถ่ายทอดสดออกอากาศ มีทีมโค้ชที่มีประสบการณ์ (อองตวน) มีคนดู ผมว่ามันเป็นอะไรที่ต้องได้รับความนิยมแน่นอน ซึ่งมวยเนี่ยปกติผมแค่ฝึกซ้อมเฉยๆ ไม่เคยขึ้นต่อยแบบจริงจัง ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นโอกาสครั้งแรกของผมที่จะได้ขึ้นชกบนเวที

ชอบความเจ็บปวด ?

ผมมีแพสชั่นเรื่องการลุยหรือความเจ็บปวดอยู่แล้ว อย่างเช่นเรื่องของจิตใจ ถ้าผมเป็นคนที่เสียหรือได้รับความเจ็บปวดอะไร ผมจะยิ่งย้ำความเจ็บปวดเข้าไปจนให้มันตายด้าน กับร่างกายก็เช่นกัน ผมคิดว่าถ้าเรายิ่งเจ็บ มันก็ยิ่งแข็งแรงขึ้น จะยิ่งทนทานต่อสถานการณ์ต่างๆ มากขึ้น มันทำให้ผมชอบที่จะอดทนต่อความเจ็บปวด บางคนอาจจะมองว่าซาดิสต์ แต่ความจริงแล้วมันคือการพัฒนาตัวเองอย่างหนึ่ง

 ตอนเด็กๆ เคยถูกแกล้งไหม ?

ตอนเด็กๆ แต่ก่อนเราอยู่โรงเรียนสห ก็มีแต่คนรัก ไม่ค่อยมีเรื่องกับใคร แต่พอมาอยู่โรงเรียนชายล้วนแล้วเราเป็นเด็กใหม่ เราจะโดนคนรอบข้างมาข่มขู่ตลอด เช่น “เฮ้ย เป็นเด็กใหม่ซ่าเหรอ” ถูกกดดันจนรู้สึกว่าเราต้องสู้แล้ว ไม่ใช่เดินถอยกลับบ้านมาเสียใจ หรือว่ามานั่งร้องไห้คนเดียว เหตุการณ์นี้มันเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ถ้าคนเรายืนด้วยเท้าของตัวเองไม่ได้ เราก็พึ่งคนอื่นไม่ได้

 เรื่องรุนแรงในวัยเรียนที่จำฝังใจ

ในสมัยเด็กส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบยกพวกตีกัน พอโตมาก็เคยมีเรื่องในผับ มีครั้งหนึ่งผมเคยอัดหน้าคนจนฟันหน้าเขาติดนิ้วผมมา จนต้องไปผ่าออกที่โรงพยาบาล ซึ่งก็ยังเป็นรอยอยู่ทุกวันนี้เลย

ในสังคมปัจจุบันเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ มากมาย คิดอย่างไรกับความรุนแรงที่ไม่ใช่กีฬา

ผมรู้สึกว่าอย่างตัวเราเองในสมัยเด็กก็มีทะเลาะเบาะแว้ง จนมีการกระทำที่รุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งในตอนนั้นมันเกิดจากอารมณ์ ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ อย่างผมเองวันนี้ก็มีโอกาสได้ขึ้นชกบนเวทีตามกฎกติกา ซึ่งสังคมรอบข้างเองก็ไม่ควรที่จะมองแบบเอามัน เอาตาย แต่ขอให้มองว่าเราทำตามกติกา ตามกฎระเบียบ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน

ทราบว่าเคยประสบอุบัติเหตุมา ? มีวิธีการดูแลตัวเองหลังประสบอุบัติเหตุอย่างไร

ผมเป็นคนที่เล่นกีฬาค่อนข้างที่จะอันตรายอยู่แล้ว ซึ่งมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้นะครับ ที่ผ่านมาก็มีไหลปลาร้าหัก แขนหัก หัวแตกเย็บร้อยเข็ม ซึ่งในช่วงพักฟื้นคุณหมอก็จะห้ามว่าอย่าทำอะไรนะตลอด 2 เดือน แต่ผ่านไป 10 วัน ผมก็จะแอบยกเวตเบาๆ ทำกายภาพเองโดยที่ไม่ต้องให้หมอบอก ซึ่งหมอก็ว่านะว่าทำไมหักโหมแบบนี้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือกล้ามเนื้อกลับมาเป็นปกติ ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วกว่าเดิม

อาการบาดเจ็บหรือแผลเก่า จะมีผลกระทบต่อการขึ้นชกไหม ?

ผมมั่นใจว่าไม่กระทบแน่นอนครับ เพราะแผลทุกแผลถูกดามด้วยเหล็กไว้หมด ซึ่งไม่มีทางหลุด ถ้าถามว่าเจ็บมั้ย ผมว่าผมเป็นคนที่เจ็บก็อดทนอยู่แล้วนะครับ ผมอยากจะโฟกัสในเรื่องของจังหวะมากกว่า เพราะอย่างน้องเป้เขาน้ำหนักเบากว่า เขาก็อาจจะมีความเร็ว ซึ่งผมก็จะต้องดูจังหวะในการเข้าชก-เข้าทำ สำหรับผมมันเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้สมองและร่างกายไปพร้อมกัน ผมว่ามวยไม่ง่ายนะ

 ทุกวันนี้ซ้อมมวยบ่อยไหม ?

ซ้อมประจำครับ สัปดาห์หนึ่งผมจะซ้อมประมาณ 4 วัน เหมือนเข้ายิมปกติ โดยผมจะซ้อมอยู่ 2 ค่าย ในช่วงเช้าก็ซ้อมค่ายแถวบ้านครับ ซึ่งคุณครูเขาก็เคยเป็นนักชกระดับประเทศมาก่อน ส่วนในช่วงเย็นก็จะป็นค่ายของอองตวน ที่ไปซ้อมค่ายอองตวนก็เพราะ อย่างแรกเขาเป็นหัวหน้าทีม สอง เวลายิ่งใกล้วันแข่งเนี่ยตัวผม โค้ช และคู่ซ้อมจะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การชกมวยครั้งนี้ไม่ใช่แค่ตัวผมเอง เพราะทีมเวิร์กก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ

นอกจากมวยแล้วเล่นกีฬาอะไรอื่นอีกบ้าง ?

ผมเล่นกีฬาหลายอย่างครับ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับกีฬาที่มีความเร็ว เช่น แข่งรถ แข่งมอเตอร์ไซค์ แข่งเจ็ตสกี ซึ่งพวกนี้เป็นกีฬาที่ผมถนัด แล้วก็มีแพสชั่นกับมันอยู่แล้ว นอกจากนี้ ก็จะมีกีฬาอย่างอื่น เช่น กีฬาที่เล่นยิมทั่วไป แต่มวยเนี่ยมีแค่ฝึกซ้อมเฉยๆ ไม่เคยขึ้นต่อยแบบจริงจัง

รู้สึกอย่างไรที่ได้รุ่นน้องอย่าง “เป้ อารักษ์” เป็นคู่ชก

น้องเป้เป็นรุ่นน้องที่อัสสัมชัญนะครับ เราก็เห็นเขามา 15 ปี ตั้งแต่เล่นหนังด้วยกัน ก็จะเห็นเป้ในมุนหนึ่ง แต่ไม่เคยรู้เลยจริงๆ ว่าเป้เป็นคนที่มีแพสชั่นในการเรียนศิลปะป้องกันตัว เช่น การชกมวยไชยา ซึ่งเป็นมวยทางภาคใต้ ผมดูแล้วมันก็แตกต่างจากมวยไทยโดยทั่วไป แต่การชกในรายการนี้อยู่ในกติกาของมวยสากลสมัครเล่น ดังนั้นจังหวะมวยที่เขาเรียนมามันจะใช้กับเราไม่ได้เลย ทำให้ผมไม่หนักใจและอยากจะชกกับเป้ ด้วยความสนุกและด้วยความเป็นลูกผู้ชาย ผมเชื่อว่าพอจบ 3 ยกแล้วเนี่ย เราจะได้อะไรมากกว่าพี่น้องอีก

อยากฝากอะไรถึงเป้ไหม ?

คือผมกับน้องเป้เองก็คุยกันเป็นปกติอยู่แล้วนะครับ ทางน้องเองก็มีส่งข้อความมาว่า “เฮียยังเป็นลูกพี่ผมเสมอ” ผมก็แบบ “อันนี้หมายความว่าไงวะ (หัวเราะ) คือมึงจะต่อยกูเหรอ” ก็คุยสนุกสนานกันนะครับ อีกอย่างผมว่าลูกผู้ชายพออยู่บนเวที อะดรีนาลีนหลั่งมันทำเต็มที่หมดล่ะ และผมจะบอกไว้ตรงนี้เลยว่า เราไม่โกรธกัน เพราะผมรู้อยู่แล้วว่า หนึ่ง เราทำในสิ่งที่ฝันกันทั้งคู่ สอง ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องของน้ำใจนักกีฬาและมิตรภาพเนี่ยล่ะที่มาก่อนเสมอ

ความรู้สึกที่มีต่อรายการ 10 Fight 10

10 FIGHT 10 หรือ 10 สู้ 10 เป็นรายการที่ดีมากในเรื่องการคิดทำโปรเจกต์แบบนี้ เพราะในสังคมทุกวันนี้เราได้เห็นแต่รายการร้องเพลงมากมาย จนทำให้เห็นว่าคนไทยเราร้องเพลงเก่งจริงๆ แต่กับการชกมวยเนี่ย ซึ่งถือเป็นกีฬาที่เป็นแพสชั่นของคนทั่วโลก ไม่เคยเลยที่จะมีรายการโดยเฉพาะ ไม่เคยมีรายการที่จะเอานักชกอาชีพ หรือคนดัง มาชก ซึ่งคนเหล่านี้เป็นคนที่ชื่นชอบการต่อสู้อยู่แล้ว แต่ไม่มีที่ปล่อยของ ซึ่งผมขอขอบคุณรายการ 10 FIGHT 10 มาก ที่ทำให้เราได้ปล่อยของครับ

สำหรับใครที่อยากชมฝีมือหมัดของหนุ่มบีม สามารถรับชมได้ในรายการ “10 FIGHT 10 Presented by GS BATTERY” เดือด มัน ให้เต็มที่ ! โดยจะเริ่มชกยกแรกในวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน 2562 เวลา 20.15 น. ทางช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23 เท่านั้น