พล.อ.ประยุทธ์ รับใจหายคณะรัฐมนตรี 15 คนลาออกไปเป็น ส.ว. แต่ขอให้มองในทางสร้างสรรค์ ได้ใช้ประสบการณ์ 5 ปีที่ทำงานมาไปช่วยรัฐบาลชุดต่อไปในการวางพื้นฐานประเทศ ย้ำ คสช.ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร เตรียมถ่ายโอนงานให้ กอ.รมน.ทำหน้าที่ต่อ
วันที่ 7 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในช่วงเช้าที่มีการประชุมร่วมกับ คสช.เป็นการทบทวนเรื่องการยกเลิกคำสั่ง คสช.หรือการใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีอยู่หลายเรื่อง ประกาศและคำสั่ง คสช.มีรวม 456 ฉบับ โดยที่ยังต้องคงไว้จะมี 65 ฉบับ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องรัฐมนตรีลาออกว่า เรื่องของรัฐมนตรีหลายกระทรวงที่ต้องลาออกภายในวันที่ 9 พ.ค. เพราะได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ส.ว. วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายที่ได้ร่วมประชุม ครม.เต็มคณะ การมอบหมายงานสำหรับกระทรวงที่ไม่มีรัฐมนตรีอยู่ ได้ให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลรับผิดชอบในการบริหารงานด้วย โดยคณะรัฐมนตรีจากเดิม 32 คน เหลือ 17 คน ยังสามารถประชุมได้ตามปกติ ส่วน คสช. จากเดิม 15 คนเหลือ 11 คน
ขออย่ากังวล ยืนยันว่าไม่มีว่าจะมีจำนวนเหลือเท่าไรรัฐบาลและรัฐมนตรีที่เหลือยังบริหารงานต่อไปได้ รัฐบาลได้วางแผนการทำงานตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินอยู่แล้ว
“เรื่องการที่รัฐมนตรี คสช. ไปเป็น ส.ว.ท่านอย่าไปมองว่าเขาเป็นศัตรูกับใครสิ ต้องมองว่าที่เขามาอยู่กัน 5 ปีที่ผ่านมาเนี่ย เขาทำอะไรกันไปบ้าง เพราะฉะนั้นวันหน้าในการที่จะวางพื้นฐานประเทศทุกๆ ด้าน มันก็ควรจะคนที่รู้เรื่องการทำงานในช่วงที่ผ่านมาเข้าไปอยู่ใน ส.ว. ด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่รัฐบาลต่อไปจะดำเนินการ”
“มองในทางสร้างสรรค์กันหน่อย หน้าที่ของทุกคน อย่ามองทุกคนเป็นศัตรู เพราะ คสช.ไม่ได้เป็นศัตรูกับใครเลย”
ในวันข้างหน้าจะมีการถ่ายโอนงานของ คสช. ให้เป็นของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ต่อไป เพื่อเป็นหน่วยงานบูรณาการทำตามนโยบายของรัฐบาล ไม่ใช่หน่วยงานไปสั่งการใคร
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า เรื่องอื่นๆ อยากจะขอร้องว่า วันนี้สถานการณ์ความสงบเรียบร้อย ความมีมิตรไมตรีในสังคมที่ผ่านมาลดความรุนแรงลง ถ้าทำได้อย่างนี้บ้านเมืองจะสงบเอง การปรองดองอยู่ที่จิตใจของทุกคน ถ้ายึดมั่นแต่ตัวองจะแก้ไขอะไรไม่ได้ แม้แต่ตนเองเรื่องที่คิดหรืออยากทำก็ต้องหารือกับ ครม.กับ คสช.ว่าทำได้หรือไม่ วันนี้ก็ประชุมกันตั้งแต่ 09.00 – 15.00 น. ไปดูสถิติแล้วกันว่ามีรัฐบาลไหนทำได้แบบนี้บ้าง