กว่า 1 ล้านสปีชีส์กำลังสูญพันธุ์ด้วยมือมนุษย์

พืชพรรณและสัตว์ป่าในธรรมชาติกว่า 1 ล้านสายพันธุ์กำลังสูญพันธุ์ภายใน 10 ปีนี้ โดยมีสาเหตุมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์

วันนี้ หน่วยนโยบายวิทยาศาสตร์ระหว่างชาติ เรื่องการให้บริหารด้านความหลากหลายทางชีววิทยาและระบบนิเวศ ( Intergovernmental Science-Policy Platform on Biodiversity and Ecosystem Services – IPBES) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติ เผยระหว่างการประชุมรับรองรายงานที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ชี้ว่าหากไม่มีการปรับพฤติกรรมแบบหน้ามือเป็นหลังมือตั้งแต่วันนี้ อัตราการสูญพันธุ์ของสปีชีส์ต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เคยเกิดมาในรอบ 10 ล้านปีและจะเพิ่มอัตราเร็วขึ้นเรื่อยๆ

รายงานที่เพิ่งถูกรับรองนี้รวบรวมข้อมูลจากรัฐบาลชาติต่าง ๆ และงานวิจัย 15,000 ชิ้นในสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและสังคมศาสตร์ เช่น ข้อมูลการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมของคนเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อนำมาประเมินภูมิทัศน์ความหลากหลายทางนิเวศวิทยาของโลกตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา โดยตัวรายงานชี้ว่าหากมนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตแบบฉับพลันในการแก้ปัญหานี้ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและระบบการปกครอง ความหลากหลายทางนิเวศวิทยาส่วนใหญ่ของโลกจะหายไปภายในปี 2050

สาเหตุใหญ่ที่สุดมาจากอุตสาหกรรมพืชไร่และปศุสัตว์ โดยที่ผ่านมา พื้นดินกว่า 75% และผืนมหาสมุทรกว่า 66% ได้ถูกรุกรานจากมนุษย์และเปลี่ยนให้เป็นแหล่งผลิตอาหาร ใช้ที่ดินทั้งโลกไปทั้งสิ้น 33% ใช้น้ำสะอาดทั่วโลกไป 75% และเป็นสาเหตุใหญ่ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 25% ของการปล่อยก๊าซทั่วโลก

สาเหตุรองลงมาคือการเก็บเกี่ยวพืชผล การตัดไม้ ล่าสัตว์และประมง ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษและการขยายสายพันธุ์ของพืชและสัตว์ที่เป็นภัยต่อระบบนิเวศ ทำให้ความหลากหลายของสายพันธุ์หายไป 20% และพืชพรรณธรรมชาติและสัตว์ป่ายังจะหายไปอีกเมื่อหากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นอีก 2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม เว้นแต่กรณีที่ก๊าซเรือนกระจกจะลดไปมหาศาลในเวลาข้ามปีได้เท่านั้นจึงจะป้องกันไม่ให้กรณีดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายในทันที

ที่มา

Nature

Intergovernmental Science-Policy Platform on Biodiversity and Ecosystem Services (IPBES)