SHARE

คัดลอกแล้ว

มหากาพย์ Game of thrones จบลงเรียบร้อยแล้ว กับตอนอวสานที่ไม่ได้เกินคาดแต่อย่างใด

ใน Ep.6 ซึ่งเป็นตอนอวสาน คนที่เหลือรอดชีวิตอยู่ ต่างก็มีเส้นทางของตัวเอง เราจะมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น ใน EP. นี้ (มีสปอยล์เนื้อหา)

————————————–

อุดมการณ์เลือด

แดเนริส ทาแกเรียน มีจุดยืนที่ชัดเจนคือ ต้องการสร้างโลกใหม่ โลกที่ทุกคนอยู่ในอำนาจของเธอ เมื่อคนทั้งโลก สวามิภักดิ์เธอด้วยความหวาดกลัว ก็จะไม่มีใครกล้าลุกขึ้นทำสงครามอีกต่อไป

เมื่อนั้น สงครามระหว่าง 7 อาณาจักรกันเอง ก็จะไม่เกิดขึ้น เมื่อทุกคนอยู่ใต้คำสั่งของพระราชินีแค่คนเดียว

เป้าหมายของเธอไม่ใช่แค่คิงส์แลนดิ้ง แต่เธอต้องการจัดระเบียบทุกอาณาจักร จากเหนือสุดวินเทอร์เฟล ไปถึงใต้สุดดอร์น เธอมีมังกรโตเต็มวัย 1 ตัว และ กองทัพที่แข็งแกร่งที่สุด ณ เวลานี้ Unsullied และ โดธราคี อยู่ในความครอบครอง

เส้นทางของแดเนริส ย่อมต้องเต็มไปด้วยการฆ่าฟัน ในอดีตเธอฆ่าคนจำนวนมาก เพื่อเป้าหมายของเธอมาแล้วนักต่อนัก

ตั้งแต่พ่อค้าทาสในเมืองมิรีน , ดราคาริสใส่สองพ่อลูกตระกูลทาร์ลี หรือ เผากลุ่มคาลให้ตายทั้งเป็น ดังนั้นจึงไม่แปลกใจถ้าเธอจะฆ่าคนอีกมากมาย เพื่อเป้าหมายอันทะเยอทะยานของเธอ

แม้แต่คนใกล้ชิดที่สุด ก็ไม่เว้น ถ้าหากขัดต่อแนวคิดของเธอ

————————————–

การตัดสินใจของทีเรียน

ก่อนหน้านี้ ทีเรียน แลนนิสเตอร์ คือชายที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นคนฉลาดที่สุดในเวสเตอรอส เขาเคยเป็นมือขวาของกษัตริย์ในรัชสมัยจอฟฟรีย์ บาราเธียน

แต่หลังจากฆ่าพ่อตัวเอง ไทวิน ตัวทีเรียนก็หนีไปต่างประเทศ ก่อนจะไปเป็นหัตถ์ของแดเนริส ทาแกเรียน

ก่อนสงครามสุดท้าย แดเนริสกับทีเรียนตกลงกันว่า ถ้าเซอร์ซี ยอมสั่งระฆัง แดเนริส จะหยุดการโจมตี และเข้ายึดเมืองอย่างสันติ แต่แน่นอน แดเนริส ก็ผิดคำพูด แม้ระฆังจะดังแล้ว แต่เธอไม่ทำตามที่ตกลง

ในช่วงต้น EP. ทีเรียน เดินเข้าไปใน Red Keep เพียงคนเดียว เขาเดินผ่านทุกจุดที่เคยเป็นสัญลักษณ์ความรุ่งเรืองของคิงส์แลนดิ้งมาก่อน รวมถึงในสภาเล็ก ที่แห่งนี้ ในอดีตเป็นศูนย์รวมของการบริหารประเทศ แต่ตอนนี้ มันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

ไฟพินาศของแดเนริส มันทำลายทุกอย่าง มันทำให้ทีเรียนคิดได้ ว่าอุดมการณ์ของแดเนริส มันนำมาซึ่งความสูญเสียมากเกินไป ทั้งชีวิตมนุษย์ และประวัติศาสตร์ แดเนริส ใจตอนนี้คือต้องการลบล้างทุกสิ่ง แล้วเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ในรัชสมัยของเธอ

ที่ผ่านมา พ่อของเขาไทวิน กับ พี่สาวเซอร์ซี่ แม้จะเป็นชั่วร้ายแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยสังหารคนมากมายขนาดนี้ ทั้งชีวิตของสองคนนั้น ยังฆ่าคนได้ไม่ถึงครึ่งที่แดเนริส ทำในวันเดียว

ทีเรียนหลงรักแดเนริส เขาเชื่อหมดใจว่าเธอจะเป็นคนเปลี่ยนโลกนี้ได้ จนยอมแม้กระทั่งสารภาพความจริงกับแดนี่ เรื่องแวริสคิดจะหักหลัง จนแวริสโดนเผาทั้งเป็น แต่สุดท้าย ทีเรียน ก็มารู้ทีหลังว่า เขาเลือกสนับสนุนคนผิดแล้ว ไม่มีใครเดาอารมณ์ของแดเนริสได้ ว่าเธอคิดจะจัดการใครเป็นรายต่อไป

นั่นทำให้เขา ทิ้งเข็มกลัดหัตถ์ของราชินี และยอมโดนจับขังคุกเพื่อรอการประหาร

————————————–

ผู้หยุดวงจร

2 คนที่แดเนริส เชื่อใจมากที่สุด ที่ยังมีชีวิตอยู่ คนแรกคือเกรย์เวิร์ม ซึ่งเธอแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าหน่วยรบในรัชสมัยของเธอ ส่วนอีกคนคือ จอน สโนว์

ถ้าจะมีใครหักหลัง แดเนริสได้ ก็เหลือแค่ 2 คนนี้ แต่แน่นอน เกรย์เวิร์มไม่มีทางทำแบบนั้น จึงเหลือคนเดียวที่ทำได้ เขาคือ จอน

จอน สโนว์ คือชายที่เต็มไปด้วยเกียรติและสัจจะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่จอน สโนว์ทำมาเสมอคือ ไม่เคยผิดคำพูดของตัวเอง และคิดถึงความถูกต้องเป็นสำคัญที่สุด

เมื่อเขาย้ำแล้วว่า แดนี่ คือราชินีของเขา เขาก็หมายความตามนั้น ย้อนกลับไปในซีซั่นที่แล้ว ตอนที่ทุกคนมาขอกำลังเสริมจากเซอร์ซี่ ที่ดราก้อนพิต จอน สโนว์ ยังประกาศกับทุกคนว่า เขาสาบานตนไปแล้ว ว่าจะอยู่ภายใต้ราชินีองค์เดียวเท่านั้น

แม้ทุกคนเตือน จอน แค่ไหน แต่เขาไม่เคยสนใจ ยังคงภักดีกับแดเนริสจนถึงหยดสุดท้าย

ขณะที่แดเนริส ยังคงรักจอน เธอรู้ว่าใจเขาสับสน เพราะทั้ง 2 คน มีศักดิ์เป็นอา เป็นหลานกัน แต่แดเนริสก็ยังเชื่อว่า แม้จะเป็นคนรักกันไม่ได้ แต่จอน จะเป็นผู้ภักดีของเธอตลอดไป เพราะเขาเป็นคนยึดคำสัตย์ยิ่งชีวิต

————————————–

จุดเปลี่ยนความคิด จอน สโนว์

2 คนบนโลก ที่จะเปลี่ยนความคิดจอน สโนว์ได้ คือทีเรียน กับ อาร์ย่า สตาร์ค

จอน รู้ดีว่า ทีเรียนรักและบูชาแดเนริสแค่ไหน เขาถึงกับยอมขายแวริส ที่มีบุญคุณต่อกัน จนแวริสโดนเผาตาย

นอกจากนั้นทีเรียน ยังเป็นคนแนะนำแดเนริสเสมอให้เดินในเส้นทางสายสันติภาพ เพื่อให้เธอเป็นราชินีที่ผู้คนรักและศรัทธา

ทีเรียนคนนั้น ยังหมดสิ้นศรัทธาในตัวแดเนริส และยอมรับความจริงว่า แดเนริส มีโอกาสสร้างหายนะบนโลก มากกว่าสร้างความสงบสุข

ถ้าไม่เลวร้ายจริงๆ ทีเรียนคงไม่รู้สึกแบบนี้

การสนทนากันในคุก ของจอน กับ ทีเรียน ทีเรียนบอกว่า เขารู้ว่าจอนรักแดเนริส

“ความรักคือจุดจบในสำนึกหน้าที่” (Love is the death of duty) จอนพูดขึ้นมา

โดยประโยคนี้ เป็นคำพูดที่เมสเตอร์เอม่อน เคยพูดไว้กับจอน สโนว์ ที่แคสเซิลแบล็ค ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีความรัก มันจะลืมว่าควรทำอะไร นั่นเป็นเหตุผลที่ Night Watches ถูกสั่งห้าม ให้มีคนรักหรือครอบครัว

จอน ไม่สามารถรัก แดเนริส แบบคนหนุ่มสาวได้ เพราะเธอคือราชินีของเขา แต่จะให้เขาหักหลังเธอ เขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน

“บางครั้ง สำนึกหน้าที่ ก็คือจุดจบของความรัก” (Sometimes duty is the death of love) เป็นประโยคที่ทีเรียนตอบกลับจอน

เพื่อจะบอกว่า ต่อให้รักแค่ไหน แต่หน้าที่ในบางครั้งก็สำคัญยิ่งกว่า และหน้าที่ของจอน สโนว์ตอนนี้ คือทำให้ 7 อาณาจักร กลับไปสงบสุขอีกครั้ง โดยไม่ต้องกลัวทรราชย์คนต่อไป

มันเป็นสิ่งที่จอน สามารถทำได้คนเดียว

เช่นเดียวกับอาร์ย่า เธอเป็นคนที่จอน รักและเป็นห่วงมากที่สุดในฐานะน้องสาว อาร์ย่าก็คิดคล้ายๆกัน เธอรู้ว่า แดเนริส ไม่หยุดแค่คิงส์แลนดิ้งแน่ๆ อาจลามไปถึงวินเทอร์เฟลล์ได้ อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ของซานซ่า กับ แดเนริสก็ไม่ได้ดีเลย

สิ่งที่อาร์ย่าห่วงยิ่งกว่า คือชีวิตของจอน ในวันนี้แดเนริสรักจอน แต่เมื่ออนาคต ถ้าคนในประเทศรู้ความจริงว่า คนที่มีสิทธิครองบัลลังก์มากที่สุด คือจอน สโนว์ ที่มีเชื้อสายทาแกเรียนโดยตรง วันนั้น แดเนริส จะทำอะไรก็ยากจะคาดเดา

“เธอรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเจ้าคือใคร และเจ้าจะเป็นภัยคุกคามของเธอตลอดไป”

เมื่อคนที่เขาเชื่อใจมากที่สุด 2 คน พูดคล้ายกัน นั้นทำให้จอนต้องตัดสินใจ

————————————–

เสียสัตย์เพื่อทุกคน

การจะเข้าถึงตัวแดเนริส มันแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะมีมังกรอยู่ข้างตัวเธอ คนที่คิดร้ายกับแดเนริส มีสิทธิโดนเผาได้ทันที

แต่จอน มีเชื้อสายของทาแกเรียน และมังกรคือสัตว์ของตระกูล ดังนั้นมันจะไม่ทำร้ายจอน

ในขณะที่แดเนริสชื่นชมบัลลังก์เหล็ก จอน ให้โอกาสเธอครั้งสุดท้าย

เขาขอให้ละเว้นชีวิตทีเรียน ถ้าหากเธอยังมีจิตใจของผู้ปกครองที่ดี เธอจะไม่สังหารคนที่รักสงบแบบทีเรียน

แต่แดนี่ ปฏิเสธ นั่นทำให้จอน รู้ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เพราะแดเนริส จะใช้พลังอำนาจไปจนสุดทางแน่นอน

นั่นทำให้จอน ต้องตัดสินใจทำสิ่งที่เขาเจ็บปวดที่สุด คือการฆ่าคนรักด้วยมือตัวเอง

นี่คือการตัดสินใจสู้กัน ของสิ่งที่อยู่ในใจของตัวเอง นี่คือคนที่เขารัก นี่คือคำสัตย์ที่เขายึดมั่น แต่อีกด้าน คือความถูกต้องและความสงบสุขของส่วนรวม

สุดท้ายจอน เลือกส่วนรวม แม้เขาจะเสียใจไปตลอดชีวิต แต่ นี่ก็เป็นสิ่งที่จอนต้องทำ

มังกรนั้นเมื่อเห็นศพของแดเนริส มันก็เจ็บปวด แต่เมื่อคนสังหารคือเลือดของทาแกเรียน มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงได้แต่ใช้ไฟเผาบัลลังก์เหล็กให้เป็นจุล

ในสงครามวันเดียว ปิดฉากทรราชย์ทุกคน ทั้งเซอร์ซี่ แลนนิสเตอร์ ไปจนถึง Mad Queen แดเนริส ทาแกเรียน

————————————–

สิ้นสุดยุคสมัยราชวงศ์

เมื่อไม่มีคนปกครอง 7 อาณาจักร ทำให้ต้องหาราชาองค์ใหม่

ทีเรียนเสนอขอให้เป็นแบรน สตาร์ค เพราะแบรนเป็นคนที่หยั่งรู้อดีตของโลก เขาคืออีกาสามตา รู้ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ว่าแต่ละอาณาจักร เคยต้องล่มสลายไปเพราะอะไรบ้าง ความรู้ของแบรน จะทำให้ประเทศนี้เดินหน้าไปได้อย่างถูกต้อง

นอกจากนั้น แบรน ยังเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ เป็นเด็กพิการ แต่ไม่เคยยอมแพ้ ยังกล้าที่จะออกไปนอกเดอะ วอลล์

ดังนั้นมีความเหมาะสมทุกประการที่จะเป็นกษัตริย์องค์ใหม่

แบรน นั้นจากอาการบาดเจ็บหนัก ทำให้เขาไม่สามารถมีบุตรได้ นั่นทำให้ กฎการหากษัตริย์ของเวสเตอรอส ต่อไป จะไม่ได้อิงตามสายเลือดอีกต่อไป เมื่อสิ้นสุดรัชสมัยของใคร ทั้ง 7 อาณาจักร ก็จะมารวมตัวกัน ช่วยกันคัดเลือกคนที่ดีที่สุด เพื่อปกครองประเทศต่อไป

วิธีนี้จะหมดปัญหาเรื่องการสืบทอดอำนาจ แต่ทุกๆอาณาจักร มีสิทธิได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ได้ ถ้าเป็นคนดีมีความสามารถ

ก่อนที่แบรนจะรับตำแหน่งกษัตริย์ พี่สาวซานซ่าได้ทำข้อตกลงว่า วินเทอร์เฟลล์ จากนี้ไปจะไม่ใช่หนึ่งในอาณาจักรของเวสเตอรอสอีกต่อไป แต่จะแยกเป็นรัฐอิสระ ปกครองตนเอง

แบรนตอบตกลง นั่นทำให้ วินเทอร์เฟลล์ ปกครองโดย Queen in the north ซึ่งก็คือซานซ่า สตาร์คนั่นเอง

วินเทอร์เฟลล์มั่นใจว่าเข้มแข็งพอที่จะปกครองตนเองได้ แต่กับอีก 6 อาณาจักรที่เหลือล้วนแล้วแต่ไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น หลายอาณาจักรไม่มีผู้ปกครอง (แลนนิสเตอร์, ไฮการ์เด้น) บางแห่งมีผู้ปกครองมือใหม่ (เวล, สตรอมแลนด์)

ดังนั้นเวสเตอรอส จึงเหลือเพียงแค่ 6 อาณาจักร + วินเทอร์เฟลล์ เท่านั้น

————————————–

เป้าหมายต่อไปของอาณาจักร

ในยุคที่โรเบิร์ต บาราเธียนเป็นกษัตริย์ การเมืองในราชสำนักเต็มไปด้วยความรุนแรง ตัวกษัตริย์เองเอาแต่เมาเหล้า เคล้านารี ขณะที่ขุนนาง ก็หาแต่ประโยชน์ส่วนตัว

ในสภาเล็ก (Small Council) ยุคโรเบิร์ตมาจนถึงยุคจอฟฟรีย์ เต็มไปด้วยจอมเล่ห์เหลี่ยม

– ไทวิน แลนนิสเตอร์
– ลิตเติ้ลฟิงเกอร์
– แวริส
– แกรนด์เมสเตอร์ ไพเซลล์

แต่ละคนมองแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลักทั้งสิ้น แต่ใน 6 อาณาจักรยุคใหม่ แต่ละคนล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มาจากตระกูลเล็กๆ แต่มีความมุ่งมั่นจะพัฒนาประเทศ

– ดาวอส ซีเวิร์ธ เป็นมาสเตอร์ ออฟ ชิพส์ (ดูแลเรือ)
– บรอนน์ เป็นมาสเตอร์ ออฟ คอยน์ (ดูแลการเงิน)
– บริแอนน์ เป็นหัวหน้าองค์รักษ์
– แซมเวลล์ ทาร์ลี่ เป็นแกรนด์เมสเตอร์

ขณะที่กษัตริย์แบรน ก็ไม่ใช่คนมีพิษภัย ขณะที่หัตถ์ คือทีเรียนที่รับใช้กษัตริย์มาแล้วถึง 3 รัชสมัย

จากนี้ไปสงครามกลางเมืองก็จะสิ้นสุดลง และทุกคนก็จะหันมาพัฒนาประเทศกันต่อไป

ขณะที่จอน สโนว์ ทางฝั่ง Unsullies อยากให้ประหารที่สังหารแดเนริส แต่ทางวินเทอร์เฟลล์ไม่ยอม ทุกคนรู้ว่าเจตนาของจอน สโนว์นั้นดีกับส่วนรวม แต่ยังไงเสียมันก็คือการสังหารประมุขของอาณาจักร

ดังนั้นทางออก ที่เป็นครึ่งทางที่สุดของทุกฝ่าย ก็คือ ลงโทษตลอดชีวิต ด้วยการขับไล่ไปอยู่แคสเซิลแบล็ค เป็น Night Watches และห้ามมีคนรักไปตลอดชีวิต

————————————–

บทสรุปของ GOT

หากไม่คิดอะไรมากก็พอดูได้สนุก ถือว่าเป็นฉากจบที่แฮปปี้เอ็นดิ้ง โดยเฉพาะกับตระกูลสตาร์คที่ตัวหลัก ไม่มีใครเสียชีวิตเพิ่มเลย

อย่างไรก็ตาม บทซีรีส์นี้ โดนวิจารณ์ยับจากแฟนๆ ว่าทำได้ “ไม่ละเอียดพอ” และ “ไม่ลุ่มลึก”

สาเหตุเพราะตั้งแต่ซีซั่น 6 เป็นต้นมา โปรดิวเซอร์ไม่ได้นำบทมาจาก ผู้เขียนต้นฉบับหนังสือ George R.R. Martin เนื่องจากหนังสือยังเขียนไม่จบ

แต่ทว่าตัวซีรีส์นั้นรอไม่ได้ เพราะอายุของนักแสดงก็มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากรอต่อไป บางคนอาจไม่เหมาะกับบทนั้นอีกแล้ว

ดังนั้นสองผู้สร้างฉบับโทรทัศน์คือ เดวิด เบนิออฟฟ์ กับ ดีบี ไวส์ จึงตัดสินใจเขียนบทขึ้นมาเอง ซึ่งอาจจะสนุกประมาณหนึ่ง แต่ย่อมเทียบกับต้นฉบับไม่ได้

George R.R. Martin ให้สัมภาษณ์ว่า จริงๆ เกม ออฟ โธรน สามารถขยายได้ถึง 13 ซีซั่น เพื่อให้เรื่องสมบูรณ์ที่สุด แต่เมื่อผู้สร้างต้องการให้จบเพียงแค่นี้ ก็ทำให้เรื่องขาดมิติที่ควรจะเป็นไปอย่างน่าเสียดาย

ดังนั้น เกม ออฟ โธรน ฉบับซีรีส์ปิดฉากไปแล้วก็จริง ก็ถือว่ามีความสนุกระดับหนึ่ง

แต่ถ้าใครอยากรู้บทสรุปที่แท้จริงของเรื่องนี้ คงต้องรอผู้เขียนตัวจริง George R.R. Martin แต่งนิยายจบในอนาคต

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า