SHARE

คัดลอกแล้ว

กรมศิลปากร ยันยึดหลักการบูรณะเพนียดคล้องช้างตามประวัติศาสตร์ ชาวบ้านไม่พอใจรวมตัวคัดค้านการปรับปรุงเพนียดคล้องช้าง และเสาตะลุง เพราะการปรับปรับปรุงเสาตะลุงครั้งนี้ เม็ดบัวที่หัวเสาถูกตัดออกไป เตรียมรวบรวมรายชื่อเข้าพบนายกรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ 27 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีกลุ่มชาวบ้านใน จ.พระนครศรีอยุธยา ออกมาเรียกร้องให้กรมศิลปากรทบทวนและยกเลิกการบูรณะเพนียดคล้องช้าง ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา และมีการตัดหัวเสาตะลุงออกจนเหลือเหมือนตอไม้ มองดูแล้วไม่สวยงามไม่ทรงคุณค่าเหมือนของเดิม ซึ่งเสาหัวตะลุงแบบเดิมจะเป็นลักษณะทรงมน  ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมากลุ่มชาวบ้านใน ต.สวนพริก ชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบเพนียดคล้องช้าง รวมถึงชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มารวมตัวกันพร้อมกับถือแผ่นป้าย มีข้อความเรียกร้อง “วอนกรมศิลปากร แก้แบบทัศนอุจาด บาปกรรม” “  โบราณสถานทำไว้ดี ทำไมมาเปลี่ยนแบบคิดได้ไง  “ชาวสวนพริก ไม่เอาหัวเสาตะลุง” พร้อมล่ารายชื่อชาวอยุธยาเพื่อยื่นต่อนายกรัฐมนตรีอีกทาง ต่อมา น.ส.สุกัญญา เบาเหนิด ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยนักวิชาการ เจ้าหน้าที่เดินทางมาพบกับกลุ่มชาวบ้านเพื่อทำความเข้าใจ

น.ส.สุกัญญา เบาเหนิด ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การที่ชาวบ้านออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านเรื่องการบูรณะเพนียดคล้องช้าง ตัดเอาหัวเสาตะลุงออก นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ชาวบ้านมีความตื่นตัวรักหวงแหน ทรัพย์สมบัติของชาติโบราณสถานของชาติ  โดยการบูรณะเพนียดคล้องช้าง ทางกรมศิลปากรเรายึดถือตามหลักฐานสืบค้นทางประวัติศาสตร์ ซึ่งพบว่าเดิมในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพนียดคล้องช้างจะอยู่ใกล้กับพระราชวังจันทรเกษม ต่อมาในรัชกาลที่ 3 มีการรื้อฟื้นการประกอบพิธีคล้องช้าง ย้ายมาที่บริเวณ ต.สวนพริก  ต่อเนื่องมาในช่วงรัชกาลที่ 4 จึงเริ่มมีชาวต่างชาติเข้ามาและมีหลักฐานปรากฎเป็นภาพถ่ายซึ่งถ่ายโดยชาวต่างชาติ พบว่าบริเวณล้อมนอกของเพนียดคล้องช้าง พบว่าเสาตะลุงไม่มีหัว มีลักษณะเหมือนกันเสาไม้มาปักเอาไว้ตามลักษณะที่มีการบูรณะ

ส่วนภายในเชิงเทิน ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีการคล้องช้างของพระมหากตัริย์ หัวของเสาตะลุงจะมีลักษณะหัวมนตามภาพที่เราเคยเห็นกัน  หลังจากนั้นการประกอบพิธีคล้องช้างไม่มีการประกอบขึ้นอีก จนในช่วงปี 2500  มีการบูรณะเพนียดคล้องช้างขึ้นเพื่อ ประกอบพิธีคล้องช้าง  โดยในหลงรัชกาลที่ 9  ได้ทรงเชิญพระเจ้าเดนมาร์ค และราชินี มาทรงทอดพระเนตรการคล้องช้าง  หลังจากนั้นมีการบูรณะเพนียดคล้องช้างอีก 2 ครั้งในปี 2530 และในปี 2550 จนมาถึงปี 2561 จึงมีการบูรณะอีกครั้ง ทางกรมศิลปากรจึงได้ค้นคว้าประวัติศาสตร์โดยยึดถือเอาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ย้อนกลับไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่มีการทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ชาวบ้านต่างไม่พอใจคัดค้านการตัดเอาหัวเสาตะลุงที่ชาวบ้านพบเห็นมาหลายสิบปี และเรียกร้องให้ดำเนินการให้เหมือนเดิม

นายนพพร ขันธนิกร อายุ 35 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา  กล่าวว่า เวลาที่ชาวบ้านจะทำบุญที่เพนียดคล้องช้างต้องทำหนังสือขออนุญาตไปที่กรมศิลปากร แต่กรมศิลปากรเข้ามาบูรณะเพนียดคล้องช้าง ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติของชาติเป็นของคนไทย ทำไมไม่มาสอบถามชาวบ้านบ้าง ควรทำประชาคมมาทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ระหว่างการก่อสร้างมีการปิดล้อมรั้วชาวบ้านไม่เห็นว่ามีการทำอย่างไรบ้างกับโบราณสถานของชาติ จนพอเอารั้วออกพบว่าเสาตะลุงที่ตนเองเห็นมาตั้งแต่จำความได้ คนเฒ่าคนแก่ก็เห็นมาว่าเสาตะลุงนั้นมีลักษณะเป็นหัวทรงมน กลับมาถูกตัดจนเหมือนตอไม้ไม่สวยงามแบบเดิม จะมาอ้างเอาภาพถ่ายในสมัยรัชกาล 3-4 มาบอกชาวบ้านชาวบ้านไม่รู้หรอกเพราะเกิดไม่ทัน ทำไมไม่มาทำความเข้าใจกับชาวบ้าน จะจึงอยากให้กรมศิลปากร ทำการบูรณะเสาตะลุงให้กลับมาเหมือนเดิม หากมาทำการตัดเอาหัวเสาตะลุงออก เรียกว่าการทำลายมากกว่าการบูรณะ

จากนั้นกลุ่มตัวแทนชาวบ้านได้ยื่นหนังสือให้กับทางนางจิระพันธ์ พิมพ์พันธุ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ช่วยติดตามทวงถามคัดค้านการบูรณะเพนียดคล้องช้าง  ไม่ให้มีการตัดเอาหัวเสาตะลุงออก หากไม่เป็นที่พอใจจะเดินทางเข้าพบนายกรัฐมนตรี

ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกรณีที่มีการตัดเอาหัวเสาตะลุงออก เพราะมองดูแล้วไม่สวยงาม ไม่เป็นไปตามรูปแบบเดิมที่ชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวได้เห็นได้บันทึกภาพไปทั่วโลกถึงความสวยงาม อยุธยาได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์กรยูเนสโก  พร้อมสอบถามไปยังอธิบดีกรมศิลปากรเพื่อขอให้ยกเลิกการบูรณะด้วยวิธีการตัดเอาหัวเสาตะลุงออก และพร้อมที่จะสู้ไปพร้อมกับชาวอยุธยาที่หวงแหนสมบัติชาติ และจะต้องยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีอย่างเร่งด่วน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า