SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเด็นคือ – นายแพทย์จิรเดช เกตุรัตนกุล หรือ หมอดิว แจงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคลินิกดัง จ.ลำปาง หลังถูกตำรวจออกหมายเรียกเพื่อมาให้ปากคำ โดยบอกว่าน่าจะถูกผู้ไม่หวังดี นำข้อมูลใบประกอบวิชาชีพแพทย์ไปสวมรอยแอบอ้าง

วันที่ 4 พ.ย. 2560 จากกรณีที่ นายจิรัชญา คำพูน อายุ 22 ปี สาวประเภทสองชาวลำพูน ที่เข้าใช้บริการเสริมทรวงอกที่ “ดีไวน์คลินิกเวชกรรม” สถานเสริมความงามในจังหวัดลำปาง ในเขต ตำบล พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง แล้วเสียชีวิตลงเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้วพบว่า คลินิกดังกล่าวเปิดบริการโดยไม่มีใบอนุญาต จากนั้น เมื่อวันที่ 2 พ.ย.60 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร ได้ให้ประกันตัว นางสาวจันทร์จิรา ธิวงศ์เงิน อายุ 20 ปี ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของดีไวน์คลีนิกเวชกรรม และสอบสวนใน 2 ฐานะ ฐานะส่วนตัวซึ่งเป็นพนักงานของคลีนิก และ ในฐานะเจ้าของคลีนิก โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ หลังจากที่ทำการสอบสวนอย่างเคร่งเครียดเกือบ 10 ชั่วโมง

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม แก่ นางสาวจันทร์จิรา ธิวงศ์เงิน พร้อมพวก 3 คน ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดีไวน์คลินิก โดย นางสาวจันทร์จิรา ธิวงศ์เงิน หุ้นส่วนผู้จัดการ ในข้อหาประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต จากผู้อนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล และดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต จากผู้อนุญาตให้ดำเนินสถานพยาบาล ซึ่ง นางสาวจันทร์จิรา ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเพราะจำนนต่อเอกสารหลักฐาน พร้อมกันนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก นพ.จิรเดช เกตุรัตนกุล หรือ หมอดิว มาให้ปากคำแล้ว

ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้เข้าใช้บริการและผู้เสียหายตลอดทั้งวัน พนักงานสอบสวนได้ให้แต่ละคนระบุชื่อและชี้รูปนายแพทย์ ที่ทำการรักษาซึ่งแต่ละคน ระบุชื่อจริงและชื่อเล่นได้ตรงกัน แต่ เมื่อดูรูปแล้วแต่ละคนไม่แน่ใจเพราะทั้งรูปร่างหน้าตาก็คล้ายๆแต่ไม่ฟันธงว่าผู้ที่ทำการผ่าตัดจะเป็นนายแพทย์จิรเดช เกตุรัตนกุล หรือ หมอดิว ตัวจริงหรือไม่ และหากไม่ใช่หมอดิว แล้วบุคคลคนนั้นเป็นใครและเป็นแพทย์ที่สามารถรักษาผู้ป่วยได้จริงหรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเข้าขอรูปภาพจากโรงพยาบาลในวันเกิดเหตุที่คลีนิกนำตัวผู้เสียชีวิตส่งไปยังโรงพยาบาลลำปาง เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับรูปของหมอดิวตัวจริงที่ปรากฎในสื่อโซเซียลมีเดีย

และหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการออกหมายเรียกนพ.จิรเดช หรือ หมอดิว มาให้ปากคำนั้น ล่าสุด นพ.จิรเดช ได้ออกมายืนยันกับทางผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคลินิก ที่ จ.ลำปาง แต่อย่างใด เพราะตนทำงานประจำอยู่ที่คลินิก ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะถูกผู้ไม่หวังดี นำข้อมูล ใบประกอบวิชาชีพแพทย์ของตนไปสวมรอย แอบอ้าง และอาจจะใช้วิธีตัดต่อรูปคนอื่น ใส่เข้าไปแทนใบประกอบวิชาชีพของตน แล้วนำมาใช้ในการเปิดคลินิกเถื่อน และจากการคาดเดาของตน เชื่อว่าอาจจะได้ข้อมูลใบประกอบวิชาชีพ มาจากทางอีเมล์ ที่ตนใช้ในการติดต่องานกับหน่วยงานต่างๆ แต่ยังไม่ทราบจริงๆ ว่ามาจากที่ใดกันแน่

โดย นพ.จิรเดช ยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุ 28 ตุลาคม ตนทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ตามปกติ โดยออกจากคลินิกในช่วงบ่าย ก่อนจะไปเดินห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการติดต่อขอภาพวงจรปิด จากทั้งคลินิกที่ทำงาน กับจากห้างสรรพสินค้า มาใช้เป็นหลักฐานยืนยันที่อยู่ของตนเอง พร้อมยังยืนยันว่า ตนยังไม่เคยไป จ.ลำปางแม้แต่ครั้งเดียว หากเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบการเดินทางในเที่ยวบินภายในประเทศ ในวันดังกล่าว ก็น่าจะตรวจสอบได้ไม่ยาก เพราะตนไม่ได้เดินทางไปต่างจังหวัดจริงๆและจนถึงตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ จ.ลำปาง ยังไม่ได้ประสานมาให้ตนเข้าไปให้ปากคำแต่อย่างใด โดยส่วนตัวอยากเข้าไปให้ปากคำให้เร็วที่สุด เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ซึ่งหลังจากที่ตนยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมปรึกษากับทีมทนายความ ว่าจะต้องดำเนินคดีกับคลินิกดังกล่าวฐานแอบอ้าง ให้ถึงที่สุดด้วย

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร ได้กำลังเร่งตรวจสอบภาพ ที่เป็นภาพนิ่ง จากการแคปหน้าจอ มาจากคลิบไลพ์สด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการโพส เพื่อส่งเสริมการขาย สินค้า โดยมีการ แจ้งราคา เสริมนม ทำหน้าอก ซิลิโคน 400ซีซี ราคา 35,000 บาท และโพสต์โชว์ ภาพก่อนการทำศัลยกรรม เสริมรวงอก ของผู้เสียชิวิต
ซึ่งการไลฟ์สดในครั้งนี้ทางพนักงานคลินิก ได้ทำการ ไลฟ์สด บริเวณที่เตียงศัลยกรรม ของคลีนิดดังกล่าว โดย มีการแนะนำผลิตภัณท์ ประกอบการขายและส่งเสริมการขาย ซึ่งประชาชน ที่มีการ แคปภาพหน้าจอ ขณะไลฟสดไว้ได้ ได้ส่งภาพให้ผู้สื่อข่าว ได้ตรวจสอบว่า ภาพ คนไข้ ดังกล่าว เป็นผู้ ป่วย เดียวกัน กับ สาวประเภททสองชาวลำพูน ที่เสียชีวิตหรือใม่ ทั้งนี้หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ทางเพจคลินิกดังกล่าว ได้มีการลบภาพไลฟ์สดนี้ออกไปแล้ว และหลังจากถัดมาไม่กี่วัน ก็มีการปิดเวปเพจดังกล่าวไปเช่นกัน

นอกจากนี้ ก็ยังคงมีผู้เสียหายจากการเสริมสวยจากคลีนิกดังกล่าวทยอยเข้ามาร้องทุกข์เพิ่มอีก ซึ่งขณะนี้รวมแล้วเกือบ20 ราย และรายล่าสุดนายเต๋า อายุ 21 ปี เสริมจมูกเป็นจำนวนเงิน 5,500 บาท เมื่อเดือนสิงหาคม 2560 แต่ปรากฎว่าจมูกอักเสบบวมและเป็นหนอง ต้องกลับไปให้คลีนิกแก้ไขครั้งที่สอง จนถึงวันนี้จมูกก็ยังอักเสบแดงตรงปลายจมูกและมีหนองไหลออกมาในรูจมูกด้วย

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า