อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะสมเป็นนายกฯ หรือไม่ มีวิวาทะย่อย หลัง ส.ว. เสรี สุวรรณภานนท์ พูดถึงเหตุเผาบ้านเผาเมือง ฝ่าย คารม พลพรกลาง ส.ส.อนาคตใหม่ อดีตทนายความเสื้อแดงลุกขึ้นโต้ขออย่าใช้วิธีทนายความมาพูดตีกิน
วันที่ 5 มิ.ย. เวลา 14.20 น. ที่ห้องประชุมทีโอที ในการร่วมกันของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ได้ให้ นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นคนแรกของฝั่ง ส.ว.ที่ได้สิทธิ์อภิปรายก่อนลงมติโหวตนายกรัฐมนตรี
นายเสรี กล่าวว่า สมาชิกวุฒิสภาทุกคนที่เข้ามาเป็นอิสระไม่ได้ต้องเข้ามาตอบแทนใคร เราจะพิจารณาด้วยเหตุผลและข้อมูล ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาไม่ใช่จู่ๆ จะมีการรัฐประหารและการยึดอำนาจ ตอนนั้นประเทศวิกฤต บ้านเมืองแตกแยก มีการชุมนุม ประชาชนออกมาสู้รบซึ่งกันและกันประชาชนได้รับความเดือดร้อน ปัญหาที่เกิดไม่ใช่เพราะรัฐประารแต่มาจากฝ่ายการเมืองพวกเรากันเอง สู้รบกันเอง จนบ้านเมืองวิกฤต มีการเผาบ้านเผาเมือง
ด้านนายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ได้ใช้สิทธิ์ประท้วง โดยกล่าวว่า ผู้อภิปรายเตรียมตัวเลือก พล.อ.ประยุทธ์ มาจากบ้านแล้ว ดังนั้นไม่ต้องมาสอนนักการเมือง ท่านชอบรัฐประหารก็ชอบไป ไม่มีหน้าที่มาสั่งสอนพวกตน เรื่องเผาบ้านเผาเมืองท่านเป็นทนายความคำพิพากษาศาลฎีกาท่านก็รับรู้ อย่ามาตีกิน อย่ามาใช้ความเก๋าทางการเมืองที่รับใช้อำนาจที่ท่านชอบ ไม่มีใครกลัวใครถ้าอยู่ในสภาแห่งนี้ ขอประท้วงให้ผู้อภิปรายควรจะอยู่ในประเด็นที่ว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่ควรได้รับการสนับสนุนอย่างไร
นายพรเพชร วินิจฉัยว่า ยังไม่มีการกระทบบุคคลใด แต่ขอให้เข้าประเด็น ห้ามพดจาวนเวียนซ้ำซาก ใส่ร้ายบุคคลใด
ด้านนายเสรี กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนอภิปรายอยู่ในเนื้อหา ไม่ได้นอกประเด็น การพูดถึงเผาบ้านเผาเมืองคือเรื่องสถานการณ์ของประเทศไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แล้วมาเดือดร้อนทำอะไร ท่านมารับสารภาพทำไม
ฝ่ายนายคารม ลุกขึ้นประท้วงทันที โดยบอกว่าผู้อภิปรายเป็นทนายความ พูดลอยๆ แบบนี้เป็นการตีกิน ขอให้ประธานกำชับในการอภิปรายอย่าให้เกินเลย
นายเสรี ยังอภิปรายพาดพิงนายคารมต่อ จึงมีการประท้วงกันอีก โดยนายคารมบอกว่า คนที่ได้รับการพิสูจน์โดยคำพากษาศาลแล้วจะเสียหาย ทนายความที่ดีไม่ทำอย่างนี้ ขออย่าให้อภิปรายเสียดสีอีก
นายเสรี พูดอีกว่า ท่านพูดว่าทนายที่ดีไม่พูดแบบนี้ แปลว่าว่าตนไม่ดี ตนยังไม่ได้ว่าอะไรกลับถูกว่าฉอดๆๆๆ สิ่งที่ตนอภิปรายไปเป็นข้อเท็จจริง เมื่อมีผู้อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เหมาะสม ก็เป็นสิทธิ์ของตนที่จะบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์เหมาะสมอย่างไร ยืนยันว่าตนอภิปรายอยู่ในขอบเขต
จากนั้น นายเสรี กล่าวอีกช่วงหนึ่งว่า ในส่วนหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ตนก็พยายามติดตาม แต่ดูข้อมูลแล้วตกใจที่ข้อบังคับพรรคไม่มีข้อความเรื่องประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแม้แต่คำเดียว ขณะที่พรรคอื่นมีหมด ซึ่งทำให้ตนไม่ไว้ใจ ตนจึงเลือกลงคะแนนให้ไม่ได้ และขัดกับ พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 14 ด้วย นอกจากนั้นผลงานและประสบการณ์เมื่อเปรียบเทียบแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านกระบวนการแก้ปัญหาประเทศมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
ในช่วงท้าย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่านายเสรีใช้เวลานานมากกว่า 20 นาที ขณะที่คนอื่นได้เพียง 10-15 นาที พร้อมพาดพิงว่า ท่านจะชอบเผด็จการ ท่านจะมาด้วยวิธีพิเศษ ไม่ได้มาแบบพวกผมก็แล้วแต่ท่าน
เมื่อประธานบอกให้ถอนเรื่องเผด็จการ นายจิรายุบอกว่า ขอถอนเรื่องชอบเผด็จการเป็นผู้ชื่นชอบผู้ที่มีบุญคุณ
นายเสรี จึงตอบโต้กลับว่า สิ่งที่กล่าวหาตนว่านิยมเผด็จการ ตนนิยมเผด็จการประชาธิปไตย แต่ไม่ได้นิยมพวกประชาธิปไตยจอมปลอม