ลอบยิงช้างพลายป่าฮาลาบาลา จ.นราธิวาส อายุ 20 ปี ตัดงาทั้ง 2 ข้างหนีลอยนวล

พบช้างป่าเพศผู้อายุประมาณ 20 ปี หนักประมาณ 36 ตัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา จ.นราธิวาส ถูกคนร้ายยิงตาย กระสุนหัวทั้ง 2 ข้าง ก่อนที่จะตัดงา 2 ข้างหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 62 เวลา 16.30 น. นายณรงค์พล หมึกทอง ผอ.สวนอนุรักษ์บริหารพื้นที่ 6 สาขาปัตตานี และนายสมศักดิ์ นวลย้อย เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ร่วมเดินทางมายังป่ารกทึบข้างสวนยางพาราบ้านลาไม ม.5 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส หลังได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านลาไม พบช้างป่า 1 ตัว โดยที่บริเวณหัวด้านซ้ายและด้านขวามีร่องรอยถูกกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาด จำนวน 2 นัด และงาทั้ง 2 กิ่งถูกตัด เมื่อถึงที่เกิดเหตุ นายณรงค์พล หมึกทอง ผอ.สวนอนุรักษ์บริหารพื้นที่ 6 สาขาปัตตานี จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระแงะ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาทำการตรวจสอบ

จากการตรวจสอบ พบว่า ช้างตัวดังกล่าวเป็นเพศผู้หรือช้างพลาย อายุประมาณ 20 ปี หนักประมาณ 36 ตัน และมีหัวกระสุนปืนฝังในที่บริเวณหัวทั้ง 2 ข้าง เจ้าหน้าที่จึงได้ผ่าออกมาและพบว่า เป็นกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ต้องนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งช้างได้ตายมาแล้วประมาณ 15 ชั่วโมง

เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ผ่าไมโครชิปที่ฝังไว้บริเวณหน้าผาก พบว่า ช้างตัวดังกล่าวเคยอาศัยอยู่บนเทือกเขา หลังหมู่บ้านไอร์ซาเมาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และถูกเจ้าหน้าที่ผลักดันไปอาศัยอยู่ในป่าพื้นที่ ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน เมื่อเดือนธันวาคม 2561 หลังจากนั้นอีก 6 เดือน เขาเดินกลับมาที่เก่าและเป็นตัวเดียวกันที่เคยตกใจทำร้ายชาวบ้าน และในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบพบหลักฐานของคนร้าย ซึ่งคาดว่าเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงช้างป่าล้ม คือ ถุงมือผ้า 1 ข้าง และกระสอบปุ๋ย ที่คาดว่าคนร้ายได้เตรียมมายิงช้างแล้วตัดงาช้างทั้ง 2 กิ่งหลบหนี

ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการชันสูตรซากช้างแล้วเสร็จ ได้ประสานขอสนับสนุนรถแบ็กโฮของเอกชน มาทำการขุดหลุมฝังซากช้างที่เสียชีวิต ห่างจากซากช้างประมาณ 4 เมตร ก่อนที่จะใช้ดินฝังกลบเจ้าหน้าที่ได้ใช้ปูนขาวโรยโดยรอบเพื่อกันเชื้อโรคแพร่ระบาด ต่อมานายสมศักดิ์  นวลย้อย เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระแงะ เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน ก่อนที่จะรวบรวมหลักฐานมาแจ้งความอีกครั้ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป