ตำรวจ สภ.วังน้ำเย็น สนธิกำลังทหารบุกตรวจสอบจุดทิ้งขยะอุตสาหกรรม พบกองขยะอิเลคทรอนิกส์ หลังชาวบ้านร้องเรียนอย่างหนัก หวั่นเกิดผลกระทบด้านมลพิษ
จากกรณีที่ชาวบ้านพบกองขยะอิเลคทรอนิกส์จำนวนมากถูกทิ้งในพื้นที่ บ้านหนองแก ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว หวั่นเกิดผลกระทบด้านมลพิษ ร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ หลังมีกลุ่มบุคคลอ้างกำนันในพื้นที่ อ.วังน้ำเย็น ใช้บ่อลูกรังร้างหลังภูเขาเขตป่าอนุรักษ์(โซนซี) นำขยะจากพื้นที่ชลบุรีที่ขนมาจากต่างประเทศเพื่อบดย่อย แล้วขนมากองทิ้งนานกว่า 2 เดือน จนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งขุดบ่อน้ำบาดาลตั้งแคมป์ให้แรงงานชาวเขมรคัดแยกส่งขายส่งขาย โดยไม่ได้รับอนุญาต
ล่าสุดวันนี้ (7 ก.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สนธิกำลังหลายฝ่ายเข้าตรวจสอบ ประกอบด้วย ตำรวจ สภ.วังน้ำเย็น ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ทหารมณฑลทหารบกที่ 19 ทหารพรานที่ 1306 หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สก.7 หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สก.4 (เขาฉกรรจ์) ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และฝ่ายปกครอง จำนวนกว่า 40 นาย ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะอุตสาหกรรม ที่บริเวณด้านหลังเขาบ้านหนองแก หมู่ที่ 8 ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว
จากการตรวจสอบในวันนี้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่กว้างประมาณ 20 ไร่ ปากทางเข้ามีป้ายไวนิลเขียนว่า รวมใจรีไซเคิล อยู่บริเวณป่าหลังเขาและพบว่าเป็นเขตป่าอนุรักษ์ โดยจุดที่พบมีการนำขยะมาทิ้ง มีทั้งเศษขยะอุตสาหกรรม เศษชิ้นส่วนรถยนต์ที่ถูกบดย่อย เศษขยะชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ และตรวจพบแรงงานชาวกัมพูชา 41 คน แบ่งเป็น หญิง 17 คน ชาย 24 คน
ด้าน พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว กล่าวว่า สำหรับแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่มารับจ้างคัดแยกชิ้นส่วนนั้นมีจำนวน 41 คน แบ่งเป็น ชาย 24 คน หญิง 17 คน ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีแรงงานชาวกัมพูชาที่มีใบอนุญาตทำงาน(บัตรชมพู) จำนวน 13 คน ซึ่งในส่วนนี้จะต้องประสานไปหานายจ้างว่าให้มาทำงานที่นี่ได้อย่างไรและขออนุญาตถูกต้องกับงานที่ไปแจ้งไว้กับกรมจัดหางานหรือไม่ ส่วนนอกนั้นยังไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงควบคุมทำบันทึกจับกุมที่ สภ.วังน้ำเย็น จากนั้นก็จะส่งตัวให้ ตม.สระแก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายของ ตม.และเตรียมผลักดันกลับสู่ประเทศที่มา
สำหรับการเข้าตรวจสอบพบว่ามี นายสาธิต ธูปทอง อายุ 46 ปี รับว่าเป็นผู้แลในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาสอบสวนและจากการสอบสวนและตรวจสอบพบว่า พื้นที่ดังกล่าว เป็นบริเวณป่าสงวน จึงได้ควบคุมตัวและแจ้งข้อกล่าวหาว่า 1.กระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา54 ฐานกระทำด้วยประการใดๆ โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายดังนี้ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเอง หรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 2.กระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ฐานกระทำความผิดด้วยประการใดๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ 3.กระทำผิดตามพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ.2520 มาตรา 16 ฐานห้ามมิให้ผู้ใดประกอบกิจการ น้ำบาดาลในเขตน้ำบาดาลใดๆไม่ว่าจะเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ์ครอบครองที่ดินในเขตน้ำบาดาล นั้นหรือไม่ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย และส่งตัวให้ รอง สว.(สอบสวน) สภ.วังน้ำเย็น
เบื้องต้นจากการสอบสวนนายบุญยืน น้อยเจริญ อายุ 51 ปี ให้การว่า ตนมีหน้าที่ ประสานและติดต่อไปรับชิ้นส่วนที่มีทั้งแบบเป็นชิ้นและบดเป็นเศษแล้วมาจากอำเภอบ่อวิน จังหวัดชลบุรี ที่เป็นโรงงานโม่รถยนต์ โดยติดต่อรับช่วงมาอีกที เมื่อรับมาแล้วก็จะนำมาเทกองแล้วให้แรงงานทำการคัดแยก ถ้าชิ้นส่วนไหนใช้งานได้หรือขายได้ก็จะนำไปส่งที่ร้านในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ส่วนชิ้นส่วนที่เป็นยาง โฟม หรือใช้ไม่ได้ก็จะแยกเพื่อนำไปส่งที่โรงงานปูนในจังหวัดสระบุรีเพื่อนำไปทำเป็นเชื้อเพลิง
ด้านชาวบ้าน เล่าว่า ตนเป็นชาวบ้านอยู่ในพื้นที่ละแวกใกล้เคียง เห็นว่าเมื่อก่อนมีการมาขุดดินลูกรังออกไปก็ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งเดือนที่ผ่านมา พบว่ามีรถบรรทุกพ่วงบรรทุกเศษขยะเข้ามาเททิ้งและมีแรงงานเข้ามาคัดแยกเป็นกระสอบๆ พวกตนก็เห็นว่าเป็นชิ้นส่วนเหมือนกับในข่าว ซึ่งที่แห่งนี้ถูกขนย้ายขยะเข้ามาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน แล้ว และก็กลัวว่า วันข้างหน้าจะสร้างมลพิษกับสิ่งแวดล้อม และอาจจะมีสารพิษไหลลงแหล่งน้ำสาธารณะที่เป็นเส้นทางแหล่งน้ำไหลลงไปสู่ชุมชนและแหล่งน้ำของตำบลตาหลังใน ที่มีพวกตนและชาวบ้านในพื้นที่ใช้ทำการเกษตร และในอุปโภค จึงกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อพวกตน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลตรวจสอบ