ชาวบ้านภาคตะวันออกร้อง EEC ซ้อนทับที่อยู่อาศัย-ไม่มีการรับฟังความคิดเห็น

เครือข่ายชาวบ้านเข้ายื่นหนังสือต่อรัฐบาลหลังพบว่า ร่างผังเมืองตามแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีการขยายพื้นที่อุตสาหกรรมทับซ้อนที่แปลงเกษตรกรรม ที่อยู่อาศัย และที่ทรัพยากรป่าไม้ โดยเรียกร้องให้ทำการเปิดเผยร่างผังเมืองใหม่และเปิดให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้มีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นด้วย

เครือข่ายประชาชนสามจังหวัด ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทราในนามเครือข่ายเพื่อนตะวันออก ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตตะวันออก และนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 กรกฎาคม 2562 เพื่อคัดค้านร่างผังเมืองการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกฉบับใหม่

บรรยากาศการชุมนุมบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล

แถลงการเครือข่ายประชาชนระบุว่า ร่างผังเมืองที่สำนักงาน EEC ได้จัดทำแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นรายโครงการตามนโยบายพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของรัฐ”ไม่เป็นไปตามหลักการผังเมือง”
ทั้ง “ไม่ได้จัดทำโดยการศึกษาศักยภาพของพื้นที่ตามหลักวิชาการผังเมือง” และ “มีการเปลี่ยนสีผังเมืองเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มคนบางกลุ่ม” โดยชี้ว่ามีการเปลี่ยนสีเขียวชนบทเกษตรกรรมไปเป็นพื้นที่สีม่วง หรือพื้นที่อุตสาหกรรม

แถลงการณ์”หยุดผังเมือง EEC” โดยเครือข่ายชาวบ้าน 8 กลุ่ม ฉบับเต็ม

“เป็นการทำลายวิถีชีวิต เศรษฐกิจของชุมชน และสร้างผลกระทบกับประชาชนจำนวนมาก” แถลงการณ์ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบหลายกลุ่มระบุ

นอกจากนี้ เครือข่ายฯยังชี้ว่า การใช้คำสั่งหัวหน้าคสช. ฉบับที่47/2560 และการออก พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มีการใช้กฎหมายอย่างเร่งรัด ไม่คำนึงการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งเครือข่ายชาวบ้านจึงคัดค้านการจัดทำร่างผังเมืองใหม่ที่มีการขยายพื้นที่อุตสาหกรรม เพราะการดำเนินการที่ผ่านมาไม่ได้ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเหมาะสม ทั้งเป็นการทำลายหลักประกันด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง

“เราได้ยื่นคำร้องถึงผัง EEC ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม แล้วก็ให้เวลาการพิจารณา 15 วันเพื่อที่จะได้รับคำตอบ ก็ไม่มีคำตอบมาจนกระทั่งเมื่อเย็นวานนี้” กัญจน์ ทัตติยกุล จากเครือข่ายเพื่อนตะวันออกกล่าว

กัญจน์ ทัตติยกุล เครือข่ายเพื่อนตะวันออก

อย่างไรก็ดี กัญจน์ชี้ว่าเอกสารที่ตอบกลับมาจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ระบุข้อความต่าง ๆ ที่ไม่ได้ตอบคำถามที่ผู้เรียกร้องต้องการ และข้อมูลบางอย่างไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่กลุ่มผู้เรียกร้องพบเห็น

“เช่นที่บอกว่าให้มีส่วนร่วมแล้ว มีการจัด(เวทีรับฟังความคิดเห็น) 40 กว่าครั้ง” กัญจน์ชี้ “แต่ว่าคุยกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบกลับไม่รู้เรื่องผังEEC ก็มีครับ และส่วนใหญ่ไม่เคยได้มีส่วนร่วมในกระบวนการรับฟังความคิดเห็น”

“วันนี้เราคาดว่าจะได้ร่างผัง EEC ฉบับล่าสุดตอนนี้นะครับเพื่อจัดทำคำร้องฉบับสมบูรณ์มายื่นสำนักงาน EEC ในลำดับต่อไปครับ”ขณะเดียวกัน ชาวบ้านจากต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เดินทางมาร้องเรียนถึงการออกเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนระหว่างนิคมอุตสาหกรรมกับพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ

นายเอกสิทธิ์ รัตนสุวรรณ ตัวแทนชาวบ้านชุมชนแปลงแปด นำเอกสารสิทธิ์ใบ สทก.1 หรือใบอนุญาติผ่อนผันให้สิทธิ์ทำกินชั่วคราวที่ออกให้ชาวบ้านเมื่อปี 2528 และปี 2534 ต่อมามีการออกเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. ในปี ปี2534 แต่เป็นชื่อบริษัทเอกชนรายหนึ่งมาทับซ้อนที่ของชาวบ้าน

นายเอกสิทธิ์ รัตนสุวรรณ ตัวแทนชาวบ้านชุมชนแปลงแปด

โดยปัจจุบันมีนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งอ้างเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งในขณะนี้มีการดำเนินคดีชาวบ้านกว่า 40 รายในข้อหาบุกรุก ซึ่งต่อมาพบว่าที่ดินที่ชาวบ้านชุมชนแปลงแปดกว่า 100 หลังคาเรือนมีความกังวลว่าจะถูกขับไล่ออกจากที่อยู่อาศัย อีกทั้งพบว่า พื้นที่ชาวบ้านอาศัยที่เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ กลายเป็นพื้นที่สีม่วงไว้รองรับการขยายโรงงานอุตสาหกรรมของร่างผังเมือง EEC

“ชาวบ้านได้รับหมายเรียกจากสภอ.ห้วยใหญ่ว่าบุกรุกจากนิคมอุตสาหกรรมโรจนะว่าชาวบ้านบุกรุกที่ของเขา” นายเอกสิทธิ์ รัตนสุวรรณ  กล่าว “ตอนนี้ได้ประมาณ 40 กว่าราย แต่ว่ายังไม่หมดน่าจะมีการทยอยมาอีกตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกไว้ น่าจะว่าทั้งหมดตัองโดนหมายเรียกเพื่อดำเนินคดี ทุกคนก็เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้วก็ปฏิเสธไปว่าไม่ได้บุกรุก เพราะว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่เป็นของบริษัทโรจนะเพราะเอกสารที่ชาวบ้านมีมาจากสธก. ออกจากป่าไม้”

“เอกสารตรงที่ทางโรจนะนำมาแจ้งความและออกหมายเรียก ในเอกสารระบุว่าเอกสารที่บริษัทอ้างเป็นเจ้าของที่ตั้งแต่ปี (25)33 แล้วก็เอกสารที่ชาวบ้านมีออกให้หลายแปลงแล้วก็เอามาแบ่งๆให้ชุมชนอยู่ ก็ออกปี (25)33 เหมือนกัน”

“ผมคิดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากนิคมอุตสาหกรรมตามโครงการ – จะเป็นของ EEC หรือเปล่า” เอกสิทธิ์ตั้งข้อสังเกต

ร่างแผนที่แสดงโครงสร้างพื้นฐานด้านต่าง ๆ ของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จากเว็บไซต์ www.eeco.or.th (ข้อมูลวันที่ 23 กรกฎาคม 2562)

เอกสิทธิ์เปิดเผยว่าข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมคือต้องการให้หน่วยงานสักหน่วยงานไประงับการดำเนินคดีของสภอ.ห้วยใหญ่ กับเอกชนรายหนึ่งซึ่งเป็นโจทก์ที่จะฟ้องชาวบ้านให้ระงับไว้ก่อน เพราะถ้ามีการดำเนินคดีชาวบ้านต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีซึ่งหลายคนขัดสน