“บิ๊กป้อม” ย้ำกองทัพจำเป็นต้องซื้ออาวุธ รมช.กลาโหมยืนยันไม่มากไป

วันที่ 26 ก.ค. ที่รัฐสภาชั่วคราว ในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันที่ 2 นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายนโยบายรัฐบาล ในเรื่องงบประมาณของกระทรวงกลาโหม การสร้างความมั่นคงปลอดภัยและความสงบสุขของประเทศ

นายวิสาร กล่าวว่า ช่วงเวลา 3 ปี คสช.ซื้ออาวุธ รวม  70,000 ล้านบาท คือ รถถัง 38 คัน วงเงิน 6,985 ล้านบาท , รถเกราะล้อยาง 34 คัน วงเงิน 23,000 ล้านบาท, เฮลิคอปเตอร์ 10 ลำ วงเงิน 8,083 ล้านบาท และเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง 10 ลำ 6,599 ล้านบาท, เรือดำน้ำ 3 ลำ 36,000 ล้านบาท เชื่อว่าเป็นความจำเป็นที่ประเทศชาติจะต้องมี แต่มีข่าวว่าทีมที่ดูแลด้านจัดซื้ออาวุธจะซื้อเพิ่มอีกคือ ปืนใหญ่จากอิสราเอล เครื่องบินรบจากเกาหลีใต้

งบประมาณกลาโหม 5 ปี ใช้ไปแลhว 8.9 แสนล้าน มีโครงการนับหมื่นโครงการ ชาวบ้านเขาแจ้งมาว่าโครงการอย่างเรือดำน้ำชะลอได้ไหมเอาเงินไปช่วยภัยแล้งเพราะน้ำจะบริโภคยังไม่มี เรื่องจะซื้ออาวุธน่าจะหยุดและพอแล้ว

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อดีต รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงสั้นๆ ว่า งบประมาณทั้งหมดเป็นความจริงแต่การใช้จ่ายของกลาโหม เรื่องอุปกรณ์ของกองทัพมีแผนการจัดหาอย่างชัดเจน ยุทโธปกรณ์บางอย่างใช้มา 20-30 ปี ถึงคราวต้องเปลี่ยนแปลง จึงมีการเสนอให้กระทรวงกลาโหมพิจารณา จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้ให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงแทน

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล

พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่างบประมาณกองทัพ เทียบกับ GDP แล้วยังต่ำกว่าหลายประเทศที่เฉลี่ยอยู่ที่ 2 % โดยปีนี้อยู่ที่ 1.3%  โดยงบของกระทรวงกลาโหม ถ้าเทียบกับเงิน 100 บาท ประมาณ 47-48 บาท เป็นงบบุคลากร , 23-24 บาทงบปฏิบัติภารกิจทั่วไป และ 18-19 บาท คืองบในการพัฒนากองทัพ ถือเป็นสัดส่วนน้อยมาก
.
ในส่วนงบพัฒนากองทัพนี้ ถ้าหากซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์แล้วไม่คุ้มค่าก็ต้องจัดหาทดแทน เรามีคณะกรรมการ มีแผน มีการประเมินภัยคุกคามให้กองทัพตั้งคณะกรรมการเลือกแบบให้ตรงกับยุทธวิธีของเหล่าทัพ เหล่าทัพเป็นผู้กำหนดความต้องการ มีการดำเนินการค่อนข้างที่จะโปร่งใส มีแผนชัดเจน จัดหาใหม่ไม่เกิน 1 ใน 3
.
ส่วนเรือดำน้ำ เป็นยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือ ในการดูแลผลประโยชน์ทางทะเล มูลค่า 24 ล้านล้านบาทต่อปี มีเรือเข้าออกมากกว่าปีละ 1.5 หมื่นลำ กองทัพเรือที่ต้องปกป้องน่านน้ำจึงต้องกำหนดบทบาทขีดความสามารถในการปกป้องความมั่นคงทางทะเล ในภูมิภาคหลายประเทศมีการจัดหาเรือดำน้ำ และต้องใช้เวลา 6 ปี จึงประจำการใช้งานได้ สำหรับการจัดหาไม่ใช่ให้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ไว้วางใจ เรามีการฝึกร่วมกันในอาเซียนสร้างความสัมพันธ์อันดีแต่ถ้าเกิดวิกฤตประเทศก็จะเกิดความมั่นคง

ทั้งนี้ อีกช่วงหนึ่ง นายวิสาร ได้อภิปรายถึงการที่ พล.อ.ประวิตร เคยให้สัมภาษณ์กระทบเรื่องการท่องเที่ยว ทั้งเรื่องการก่อการร้ายในโรงแรมที่คนไทยบริหารที่เคนย่า ที่บอกว่าสงสัยอาหารอร่อย และเรื่องเรือนักท่องเที่ยวจีนล่ม โดยบอกว่าเขาทำของเขาเอง พล.อ.ประวิตร ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าว

https://www.facebook.com/WorkpointNews/videos/1213752505464992/