สาวโวยเข้ากรุงเสริมดั้ง กลับติดเชื้อเน่าทะลุ-ฝ่ายคลินิกโต้ไม่เคยทอดทิ้ง

สถาบันศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งอาเซียน ยื่นมือช่วยเหลือสาวสุพรรณฯ เข้ากรุงเทพฯ เสริมจมูกกับคลินิกย่านลาดพร้าว ไม่เกิน 1 สัปดาห์ ดั้งบวม เน่า ทะลุเป็นรูใหญ่ ต้องเร่งเข้าโรงพยาบาล พบติดเชื้อขั้นรุนแรง ฝ่ายคลินิกโต้เสนอความช่วยเหลือแล้วแต่คนไข้ไม่รับ ขู่ฟ้องหากให้ข้อมูลเท็จ

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Wimonrat Keawchingdwng โพสต์ภาพและเรื่องของตัวเอง ภายหลังการทำศัลยกรรมเสริมจมูกที่คลินิกแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว แล้วมีอาการติดเชื้อขั้นรุนแรง หวิดตาบอด วันนี้ (29 ก.ค. 62) ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ลงพื้นที่ไปคุยกับผู้เสียหาย ชื่อ น.ส.วิมลรัตน์ แก้วชิงดวง หรือ น้องต้นหอม) อายุ 18 ปี

โดย ต้นหอม เล่าว่า บ้านของเธออยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี รู้จักคลินิกศัลยกรรมดังกล่าวจากเฟซบุ๊ก โดยเห็นว่า มีการรีวิวน่าเชื่อถือและราคาไม่สูงมาก เพียง 4,500 บาท คิดว่าน่าจะเป็นช่วงจัดโปรโมชั่น จึงได้เดินทางจากสุพรรณบุรีเข้ากรุงเทพฯ เพื่อตัดสินเข้าไปเสริมจมูก

เมื่อถึงวันผ่าตัด มีเคสที่ศัลยกรรมจมูกในวันนั้นประมาณ 3 คน ซึ่งทางแพทย์ได้ฉีดยาชาก่อนผ่าตัดให้ แต่หลังจากฉีดยาชาจมูกกลับมีเลือดออก ขณะที่คนไข้คนอื่นไม่มีอาการเลือดออกแต่อย่างใด ตนนึกเอะใจจึงได้ถ่ายภาพไว้ และคิดใจว่าไม่น่าจะมีอะไรอาจเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้

หลังผ่าตัดเสร็จได้กลับมาพักฟื้นที่บ้านตามปกติ ดูแลตัวเองตามที่แพทย์สั่งทุกอย่าง แม้กระทั่งอาหารที่จะรับประทานทานก็ยังแชทไปถามเอเจนซี่ (เซลล์ของคลินิก) ที่ดูแลเธอตั้งแต่แรก เช่น ถามว่ากินไข่ หอยลายได้หรือไม่? ทางเอเจนซี่ก็บอกว่าได้ ทานยาเร่งน้ำนมได้ไหม? (ผู้เสียหายเพิ่งคลอดลูกได้ 21 วัน) เอเจนซี่ก็ตอบว่าได้เช่นกัน

แต่พอผ่านไปเกือบ 1 อาทิตย์ จมูกก็ไม่หายบวมและเริ่มบวมหนักขึ้น ติดต่อไปทางเอเจนซี่ของคลินิกก็บอกให้เดินทางไปดูอาการที่คลินิทันที แต่เธอไม่สามารถไปได้ เนื่องจากอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถเดินทางไกลได้ จึงตัดสินไปที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ที่สุพรรณบุรี โดยล่าสุดได้ผ่าตัดนำซิลิโคนออกแล้ว แต่ยังต้องทำการดูดหนองทุกวัน ส่วนสันจมูกที่ทะลุเป็นรูใหญ่ขนาดสอดนิ้วก้อยเข้าไปได้ ตอนนี้แพทย์นำผ้าก๊อซอุดไว้ให้เพื่อดำเนินการรักษาต่อไป

“สภาพจิตใจตอนนี้ย่ำแย่มาก เพราะทางคลินิกยังไม่มาแสดงความรับผิดชอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่าง ไม่ได้โทษคลินิกอย่างเดียวคะ แต่ที่หนูเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะหนูไม่ดูแลตัวเองแน่นอนค่ะ” ผู้เสียหายกล่าว

ขณะที่ แม่ของต้นหอม วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบมาตรฐานและจรรยาบรรณของคลินิกศัลยกรรมแห่งนี้ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องไม่เคยได้ยินคำขอโทษจากทางฝ่ายคลินิกเลย ตอนนี้ ทางแพทย์ระบุว่า จมูกของลูกสาวและบริเวณใกล้เคียงไม่สามารถรักษาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ และยังต้องเสี่ยงตาบอด หากไม่เข้ารักษาให้ทันท่วงที หัวอกคนเป็นแม่เห็นลูกเป็นแบบนี้แล้วใจจะขาด

ล่าสุด ทางคลินิก ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวแล้วว่า ข้อมูลที่ถูกเผยแพร่นั้นไม่เป็นความจริง การติดเชื้อนั้นเป็นปัญหาแทรกซ้อนในทางการแพทย์เกิดขึ้นได้ แม้จะเป็นโรงพยาบาลใหญ่ๆ ที่มีอุปกรณ์ฆ่าเชื้ออย่างมีมาตรฐานสูงสุดก็ตาม ยืนยันว่า ทางคลินิกดูแลตามขั้นตอนทุกอย่าง ไม่เคยทอดทิ้งคนไข้ แต่คนไข้เลือกที่จะไม่รักษาต่อเอง จึงไม่สามารถก้าวล่วงสิทธิ์คนไข้ได้ และมีการเตือนว่า หากนำข้อมูลอันเป็นเท็จเผยแพร่ต่อจะนำไปสู่การดำเนินคดีทางแพ่งและอาญาอีกด้วย

ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ได้สัมภาษณ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ อดีตนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย ปัจจุบันเป็นประธานสถาบันศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งอาเซียน ถึงอาการและแนวทางการรักษา

(นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์)

โดย นพ.ชลธิศ กล่าวว่า จากที่ดูภาพเบื้องต้นแล้ว เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจเกิดจากการหายใจเอาแบคทีเรียเข้าไป หรือ อาจเกิดจากวัสดุซิลิโคน จึงทำให้เกิดหนอง ส่วนวิธีการรักษา คือ ต้องเร่งเอาซิลิโคนออกและรักษาอาการอักเสบให้แผลแห้ง ขั้นตอนต่อมาหากคนไข้มีความประสงค์จะเข้ารับการรักษากับสถาบันศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งอาเซียน ทางสถาบันก็พร้อมที่จะช่วยเหลือรับเข้ามาอยู่ในการดูแล โดยจะรักษาด้วยวิธี “Fat stem cell” คือการนำสเต็มเซลล์จากไขมันตัวเองมาใช้ในการรักษา เพื่อช่วยเหลือคนไข้ทั้งร่ายกายและจิตใจ และพร้อมให้ความรู้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่วงการศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าต่อไป