“วิภา”แผลงฤทธิ์ ฝนถล่มชายแดนตาก “น้ำเมย” สูงระดับอันตราย เรือล่มสูญหาย 1 คน

เร่งค้นหาผู้สูญหายจากเรือร่ม 1 คน เป็นคนไทย และออกไปหาปลา เจอกระแสน้ำเชี่ยว และลมพัดแรง ฝ่ายปกครองพบพระเตือนระวังนั่งเรือออกหาปลา ขณะที่เส้นทางหมายเลข 1090 แม่สอด-อุ้มผาง ลมพัดต้นไม้ขนาดใหญ่ขวางถนน ล่าสุด จนท.เปิดเส้นทางสัญจรได้แล้ว

วันนี้ (3 ส.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พบพระ จ.ตาก ฝ่ายปกครองพบพระ, ทหาร, หน่วยกู้ภัยพายัพ และจิตอาสา ช่วยกันค้นหาร่างนายเอนก คำแล อายุ 35 ปี ราษฎรตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ ที่ประสบเหตุเรือล่มในแม่น้ำเมย บ้านห้วยแห้ง หมู่ที่ 10 ตำบลช่องแคบ และสูญหายไปเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 2 สิงหาคม 62 โดยหน่วยกู้ภัยพายัพ จัดชุดทีมค้นหา 4 ทีม ใช้เรือหางยาวตระเวนไปทางใต้แม่น้ำเมย ระหว่างบ้านแม่โกนเกน ตำบลมหาวัน อ.แม่สอด กับ ตำบลช่องแคบ ซึ่งยังไม่พบร่างผู้สูญหายแต่อย่างใด

หน่วยกู้ภัยได้พยายามนำเรือเข้าค้นหาตามกอหญ้ และต้นไม้ริมฝั่ง ขณะที่ภรรยา และญาติของนายเอนก ยืนรอด้วยหวังที่จะได้พบสามี บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเมย สำหรับเรือล่มครั้งนี้ เนื่องจาก นายเอนก พร้อมกับนายกวี กาศสกุล อายุ 30 ปี และนายยุทธ วาดวงเอื้อย ได้ใช้เรือหายยาวออกไปหาปลาในแม่น้ำเมย ขณะที่น้ำกำลังขึ้นและไหลแรง ประกอบกับมีลมพัดแรง ทำให้เรือล่มลงในแม่น้ำเมย แต่นายกวี และนายยงยุทธ สามารถกลับมาได้ 2 คน ในช่วงกลางคืน 1 คน และช่วงเช้าวันนี้ อีก 1 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำส่งโรงพยาบาลพบพระแล้ว

ด้านฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ จ.ตาก ได้แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยริมฝั่งแม่น้ำเมย ให้ระมัดระวังน้ำป่าไหลหลาก และเตือนการใช้เรือหางยาวไปมา กำชับใช้เสื้อชูชีพ และระมัดระวังเป็นพิเศษ

สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเมย ยังสูง อยู่ในระดับที่เป็นอันตราย ขณะที่ฝ่ายทางการเมียนมาจังหวัดเมียวดี ประเทศสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา น้ำได้เข้าท่วมพื้นที่ 3 หมู่บ้าน ทำให้มีผู้ประสบภัยน้ำท่วมจำนวน 586 คน 83 ครอบครัว โดยทางเจ้าหน้าที่ให้ไปอาศัยในศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ทางการจัดไว้แล้ว

ช่วงเช้าวันเดียวกันได้เกิดกระแสลมแรง พัดต้นไม้ขนาดใหญ่ และเสาไฟฟ้า ล้มขวางเส้นทางบริเวณหลัก กม.ที่ 59-60 บ.ร่มเกล้าสหมิตร ต.คีรีราษฎร์ และเกิดเสาไฟฟ้าล้มจำนวน 2 ต้นขวางเส้นทางบริเวณ กม.ที่ 82-83  บ.อุ้มเปี้ยม ต.คีรีราษฎร์ อ.พบพระ จ.ตาก บนทางหลวงหมายเลข 1090 แม่สอด-อุ้มผาง จนไม่สามารถสัญจรได้  พ.อ.ไมตรี ชูปรีชา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 (ฉก.ร.14) นำกำลังเข้าสำรวจผลกระทบจากวาตภัยที่เกิดขึ้น และได้ประสานเจ้าหน้าที่แขวงการทางฯ และการไฟฟ้าฯ เข้าดำเนินการแก้ไข

ล่าสุด สามารถเปิดเส้นทางบริเวณที่เสาไฟฟ้าล้ม สามารถสัญจรผ่านเส้นทางหมายเลข 1090 ได้ ตามปกติแล้ว