องค์การอนามัยโลกเผย พบยา 2 ชนิด อาจช่วยชีวิตผู้ป่วย “โรคอีโบลา” ได้ร้อยละ 90

องค์การอนามัยโลกพบยาตัวใหม่ 2 ชนิด ที่อาจสามารถรักษาโรคอีโบลา และช่วยผู้ป่วยให้รอดชีวิตได้ร้อยละ 90 หากเข้ารับการรักษาภายใน 3 วันหลังมีอาการป่วย

วันที่ 15 ส.ค. 2562 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (13 ส.ค. 62) องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า โรคอีโบลาอาจสามารถรักษาได้ หลังพบว่ายาตัวใหม่ 2 ชนิดที่ทดลองในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ช่วยผู้ป่วยให้รอดชีวิตได้ร้อยละ 90 หากเข้ารับการรักษาภายใน 3 วันหลังมีอาการป่วย

คริสเตียน ลินด์ไมเออร์ โฆษกองค์การอนามัยโลกกล่าวในแถลงการณ์สั้นของสหประชาชาติ ณ นครเจนีวาว่า ทางตะวันออกของคองโกยังคงเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดอย่างหนักหลังประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพระดับนานาชาติไปเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคอีโบลาครั้งนี้มีความร้ายแรงเป็นอันดับ 2 ของประเทศคองโก คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่า 1,800 คนในช่วงปีที่ผ่านมา

การสุ่มทดลองรักษาด้วยยา 4 ชนิดเริ่มขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2018 ซึ่งผลปรากฏว่ามียา 2 ชนิดที่ให้ผลลัพธ์ดีอย่างเห็นได้ชัด หลังทราบผลการทดลอง องค์กรอิสระที่คอยจับตาอยู่จึงแนะนำให้ยุติการทดลองก่อนกำหนดและใช้ยา 2 ชนิดดังกล่าวรักษาผู้ป่วยอีโบลาในคองโกทั้งหมด “แน่นอนว่านี่เป็นข่าวดี ซึ่งจะช่วยชีวิตผู้ป่วย และทำให้เราเข้าใกล้การค้นพบวิธีรักษาโรคอีโบลาที่มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น” ลินด์ไมเออร์กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลลัพธ์เหล่านี้จะมีความสำคัญในการต่อสู้กับอีโบลา แต่องค์การอนามัยโลกก็กล่าวว่าการใช้วัคซีนและยา 2 ชนิดดังกล่าวยังไม่สามารถหยุดโรคอีโบลาได้ “การรักษาให้หายขาดอาจเป็นไปไม่ได้แม้จะมียาชนิดที่ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม เพราะยังเหลือปัจจัยทางมนุษย์ ว่าจะมารับการรักษาได้ทันท่วงทีหรือไม่” ลินด์ไมเออร์กล่าว

ลินด์ไมเออร์กล่าวย้ำว่าการป้องกัน เฝ้าระวัง และตรวจสอบร่างกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการยอมรับว่ามีอาการป่วยจากคนรอบตัวและชุมชนเป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่ออัตราการรอดชีวิต พร้อมกล่าวผลักดันให้ประชาชนคอยจับตาดูบุคคลอันเป็นที่รักของตนให้ดีและส่งตัวไปเข้ารับการรักษาทันทีที่พบอาการ