วิศวกรความปลอดภัย ชี้ เหตุรถตู้ 11 ศพ ต้องเก็บข้อมูลวิเคราะห์สาเหตุเพื่อป้องกัน

อุบัติเหตุรถตู้เช่าเหมาแรงงานชาวลาว ชนกับรถพ่วง ที่ จ.สระแก้ว เมื่อเช้ามืดวันที่ 18 ส.ค.62 ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 11 คน บาดเจ็บ 4 ราย หัวหน้าศูนย์วิจัยวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ แนะ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเก็บข้อมูลเหตุอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุและแนวทางป้องกัน

วันที่ 19 ส.ค. 62 รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม หัวหน้าศูนย์วิจัยวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้ให้สัมภาษณ์เวิร์คพอยท์นิวส์ ถึงกรณีการเกิดอุบัติเหตุรถตู้เช่าเหมาแรงงานชาวลาว ชนกับรถพ่วง ที่ จ.สระแก้ว เกี่ยวกับเรื่องการเก็บข้อมูลอุบัติเหตุ

รศ.ดร.สายประสิทธิ์ ระบุว่า จากการประเมินเบื้องต้น จากสภาพรถสามารถบอกได้ว่า รถตู้น่าจะใช้ความเร็วเกินกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแน่นอน สอดคล้องกับการรายงานของกระทรวงคมนาคม ที่รายงานว่าความเร็วขณะเกิดเหตุตามสัญญาณ GPS อยู่ที่ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งตามหลักการด้านความปลอดภัยทางถนนสากล จำเป็นต้องเก็บข้อมูลอย่างละเอียดทันทีหลังเกิดเหตุ เพื่อย้อยรอยหาสาเหตุ และแนวทางแก้ไขป้องกัน ดังนี้

– วิศวกรโยธาเป็นผู้ตรวจสอบ สภาพของถนน ทรรศนะการมองเห็น จุดบอด แสงสว่าง ป้ายแจ้งเตือนการใช้ความเร็ว แรงเสียดทาน

– สภาพรถ จำเป็นต้องบันทึกพิกัดจุดที่เกิดการชน และจุดที่รถหนุด ตำแหน่งการชนที่รถ รอยเบรกก่อนชน สภาพยางรถ ระบบเบรกของรถ โครงสร้าง น้ำหนักรถ อุปกรณ์นิรภัยรถ หรือว่ารถมีการดัดแปลงสภาพมาหรือไม่

ซึ่งหากสามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้มาได้ครบ ก็สามารถนำมาวิเคราะห์หาความเร็วการเคลื่อนที่ของรถ หาสาเหตุร่วมที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ และปัจจัยที่เสริมความรุนแรง ที่สำคัญจะทำให้ทราบด้วยว่า สภาพรถที่พังเสียหายหนัก หรือการเสียชีวิตที่มากมายเช่นนี้ มาจากความรุนแรงของการชน หรือเป็นเพราะมาตรฐานโครงสร้างรถ ที่สำคัญกรณีที่รถเล็กชนกับรถใหญ่ ความรุนแรงก็จะเกิดขึ้นกับรถเล็กมากกว่าอยู่แล้ว

หัวหน้าศูนย์วิจัยวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ ยังให้ความเห็นว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ น่าจะเป็นบทเรียนที่รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม ต้องนำไปศึกษาและทบทวน ในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ

อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.สายประสิทธิ์ มองว่า กรณีที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะขยายอายุรถตู้จาก 10 ปี เป็น 12 ปีนั้น จะต้องมีมาตรฐานควบคุมคุณภาพของรถ ให้พร้อมใช้งาน ทั้งตัวโครงสร้างรถ ระบบเครื่องยนต์ ยางรถยนต์ ความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุ ไม่ใช่ว่าให้รถเก่าที่มีสภาพเสื่อมโทรมออกมาให้บริการ

ส่วนกรณีการนำมินิบัสมาใช้แทนรถตู้ที่ให้บริการระหว่างจังหวัด มองว่า สามารถทำได้ แต่ต้องมีมาตรฐานเรื่องความปลอดภัย ทั้งเรื่องตัวรถ เก้าอี้ ทางออกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งส่วนตัวมองว่าตามสภาพของรถมินิบัส ไม่เอื้อต่อการใช้ความเร็วสูง แต่หากเกิดการชน แรกกระแทกที่เกิดขึ้นในห้องโดยสารก็ไม่ได้ลดลง โดยเปรียบเทียบกับกรณีรถบัส 2 ชั้น ที่คันใหญ่ ใช้ความเร็วได้ไม่มาก แต่เมื่อเกิดการชน พบว่าโครงสร้างรถหลังคาเปิด เบาะหลุดกระเด็น ผู้โดยสารได้รับแรงกระแทกสูง หรือหากจะใช้รถตู้ให้บริการต่อไป ก็ควรเพิ่มมาตรฐานเรื่องระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุด้วย เช่น ที่นั่งผู้โดยสาร แถวหน้าสุดไม่ควรมีถึง 3 ที่นั่ง เพราะปิดทางออก และที่สำคัญมากที่สุด คือคนขับที่มักเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ในการเกิดอุบัติเหตุ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• คมนาคม แจงปมเสนอข่าวสัญญาณ GPS รถตู้ 11 ศพถูกตัด เป็นความเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่
• ศักดิ์สยาม เผย อุบัติเหตุรถตู้ 11 ศพ GPS ไม่ได้ใช้ความเร็วเกิน
• ขนส่งสระแก้วเผย อุบัติเหตุรถตู้ 11 ศพ พบสัญญาณ GPS ขาดหายเป็นช่วงๆ
• ย้อนดูสถิติรถตู้ 3 ปี เกิดเหตุมากกว่า 500 ครั้ง ตายกว่า 300 ศพ