จากกรณีที่ราคาข้าวเปลือกข้าวเหนียวขยับสูงขึ้น จนทำให้ร้านค้าที่ขายข้าวเหนียวนึ่ง ต้องลดปริมาณหรือขึ้นราคาจาก 5 บาทเป็น 10 บาท เพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว ขณะที่ลูกค้าบ่นว่าช่วงนี้ราคาแพงที่สุดที่เคยซื้อมาคือ กิโลกรัมละ 40-45 บาท
วันที่ 22 ส.ค. นายธนพล ธรรมมโนขจิต ผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยถึงปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ส่วนฝนที่ตกลงมาในช่วงนี้ก็พอที่จะบรรเทาได้ แต่ว่ายังไม่รู้ว่าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตแล้งไปได้หรือเปล่า เพราะฝนที่ตกลงมาในนาข้าวก็ยังไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงต้นข้าวจนถึงช่วงการเก็บเกี่ยว ต้องรอให้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องมีน้ำในนาพอที่จะใส่ปุ๋ย และมีน้ำหล่อเลี้ยงไปจนเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ถึงจะมีผลผลิตข้าวเปลือกนำมาขายตามลานรับซื้อตามโรงสีข้าวได้
ส่วนข้าวเหนียวปีนี้มีปริมาณน้อยอยู่แล้วเพราะว่าชาวบ้านในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หันไปปลูกข้าวหอมมะลิเพิ่มขึ้นทำให้พื้นที่ในการปลูกข้าวเหนียวน้อยลง ประกอบกับภัยแล้งทำให้ชาวบ้านต้องเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางก่อนเพราะยังไม่แน่ใจว่าปีหน้าจะมีข้าวเพียงพอต่อการบริโภคหรือไม่ ถ้าเกิดฝนไม่ดีจะต้องเก็บข้าวของปีนี้ไว้บริโภคปีหน้า ซึ่งจะทำให้ไม่มีข้าวจำหน่ายในปีหน้า ราคารับซื้อข้าวก็จะยิ่งแพงขึ้นไปอีก
ขณะนี้ราคาข้าวเหนียวถือว่าแพงที่สุดเท่าที่เกษตรกรจะขายได้คือ กิโลกรัมละ 20 บาท หรือตันละ 20,000 บาท ถือว่าเป็นผลดีกับเกษตรกรที่อยู่ในเขตชลประทานที่มีน้ำใช้ในการหล่อเลี้ยงต้นข้าวก็สามารถที่จะขายข้าวเก่าออกมาได้ แต่สำหรับเกษตรกรนาดอน ที่น้ำไม่เพียงพอ ถึงราคาข้าวเปลือกจะราคาตันละ 20,000 บาท ก็ไม่ขาย เพราะไม่มั่นใจว่าผลผลิตจะเพียงพอต่อการบริโภคในปีหน้าหรือไม่