สำรวจนโยบายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ใกล้จะนำมาปฏิบัติจริงแค่ไหน

ในขณะนี้ผ่านมาประมาณ 1 เดือนกว่าแล้ว หลังจากที่คณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 2 เริ่มทำงานเป็นวันแรกในวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา นโยบายหลายอย่างที่ได้เคยหาเสียงไว้เริ่มถูกนำมาดำเนินการ ในขณะที่อีกหลายนโยบาย ดูเหมือนว่ายังต้องรอความชัดเจนและช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายเกี่ยวกับค่าแรงและภาษี

สำหรับนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ที่ทางพรรคพลังประชารัฐได้เคยหาเสียงไว้ในช่วงก่อนเลือกตั้งว่าจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400-425 บาท/วัน นั้น  ล่าสุดในวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ได้มีการประชุมกัน แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ จึงยังไม่ได้มีการกำหนดขึ้นค่าแรงอย่างเป็นทางการว่าจะขึ้นหรือไม่ และขึ้นเป็นเท่าไหร่

ในขณะที่เสียงจากฝั่งพรรคพลังประชารัฐเอง นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ได้เคยให้สัมภาณ์ไว้ในช่วงต้นเดือน ก.ค. ว่า เรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำยังไม่ใช่นโยบายเร่งด่วน วางแผนว่าจะขึ้นเป็นขั้นบันได และแต่ละจังหวัดจะขึ้นไม่เท่ากันขึ้นกับปัจจัยหลายๆ อย่าง  ส่วนนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้เช่นกันว่า ก่อนที่จะขึ้นค่าแรง จะต้องมีการยกระดับฝีมือแรงงานก่อนเพื่อให้สอดคล้องกัน

สำหรับนโยบายเกี่ยบกับค่าจ้างอีกตัวหนึ่ง ที่ทางพรรคพลังประชารัฐได้เคยหาเสียงไว้ คือการเพิ่มเงินเดือน ป.ตรี และอาวีชะเป็น 20,000 บาท/เดือน และ 18,000 บาท/เดือน ตามลำดับ โดยล่าสุดในขณะนี้ยังไม่ได้มีการขึ้นอัตราเงินเดือนดังกล่าว อีกทั้งนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ก็ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เงินเดือน 2 ตัวนี้ ถ้าจะมีการปรับ จะปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดเช่นเดียวกับค่าแรงขั้นต่ำ

ในส่วนของนโยบายด้านภาษี พรรคพลังประชารัฐได้เคยหาเสียงไว้ว่าจะมีการยกเว้นภาษีสำหรับเด็กจบใหม่เป็นระยะเวลา 5 ปี อีกทั้งจะมีการยกเว้นภาษีให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งในส่วนนี้กระทรวงการคลังกำลังศึกษาอยู่ และจะมีการประชุมกันนัดแรกในวันที่ 30 ส.ค. นี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องรอดูความชัดเจนต่อไป

และสุดท้าย นโยบายลดภาษีบุคคลธรรมดา 10% นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (26 ส.ค.) ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการยกตัวอย่างตอนหาเสียง เพราะหากลดจริงก็จะกระทบกับรายได้ภาษีของประเทศ โดยในขณะนี้ได้ให้กระทรวงการคลังศึกษารายละเอียดอยู่ เพราะว่าเรื่องภาษีเป็นประเด็นที่จะต้องปรับโครงสร้างทั้งระบบ  โดยรายละเอียดจะมีการนำไปประชุมและพูดคุยในการประชุมของกระทรวงการคลัง วันที่ 30 ส.ค. นี้เช่นกัน