“สนธิ” เปรียบรัฐบาลเหมือนท้องไม่มีพ่อ เชื่อซื้อเพื่อไทยแล้ว 20-30 คน

อดีตแกนนำพันธมิตร “สนธิ ลิ้มทองกุล” เปิดใจหลังพ้นจากเรือนจำ “ติดคุกไม่น่ากลัว” ถามหา “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” พร้อมเปรียบรัฐบาลปัจจุบันเหมือนลูกสาวท้องไม่มีพ่อ ต้องยอมรับอย่ารังเกียจ “บิ๊กตู่” เล่าชีวิตเกือบ 3 ปี ได้ดูข่าวเป็นประจำ ประกาศหมดยุคนำมวลชนลงถนน 

วันที่ 12 ก.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ เปิดใจครั้งแรกที่บ้านพระอาทิตย์ ตอนหนึ่งได้กล่าวถึงการเมือง ว่า “ปีนี้ผม 72  6 รอบ ผมดูทีวีดูการเมือง ผมรู้ว่าผู้สื่อข่าวอยากถามผมเรื่องนี้ ผมตอบสั้นๆ จากที่ผมเป็นหนุ่มจนผมอายุ 72 การเมืองไม่เคยเปลี่ยน ไม่เคย มันก็ระยำตำบอนอย่างนี้ของมัน แต่หลายคนถามผมว่า นายกฯ ผิดรัฐธรรมนูญเพราะไม่ถวายสัตย์เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ผมก็นึกในใจว่า พวกมึงกินข้าวอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำกันแล้วเหรอ มาทะเลาะกันในเรื่องนายกฯ ไม่ได้ถวายสัตย์ เรื่องใหญ่ของชาติบ้านเมืองทำไมไม่มาตั้งใจทำงานกัน

ทุกคนก็บอกว่า นายกฯนี่ไม่ได้มาตามระบอบประชาธิปไตย ผมบอกว่า ระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญบ้านเรามันเป็นเพียงลมปาก ในความเป็นจริงแม้กระทั่งในระบอบประชาธิปไตยมันก็มีความเป็นเผด็จการอยู่ เหมือนสมัยก่อนมีเผด็จการรัฐสภา ผมไม่ได้ปลื้มนะที่ทหารมายึดอำนาจ แต่ผมยอมรับ อุปมาอุปไมยเรามีบ้านเรามีลูกสาว แล้วลูกเราเสือกท้องไม่มีพ่อ คุณจะเอามันขึงผืดทุบตีมันเฆี่ยนมันเหรอ ต้องยอมรับมันไปและก็หวังว่า มันจะเลี้ยงลูกให้ดี ปกครองให้ดีทำให้เป็นคนดี วันนี้จะดีจะชั่ว พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แล้ว หวังว่าท่านจะทำงานให้ดี หวังว่าท่านจะเอาประเทศเป็นตัวตั้งเป็นส่วนรวม แล้วก็หวังว่าท่านจะไม่เล่นพวกเล่นพ้อง ผมคิดว่าความหวังตรงนี้ต่างหากที่ผมคิดว่า ถ้าหวังกันแบบนี้ทุกคนมันก็น่าจะมีอนาคต

แล้วผมก็ไม่ต้องการให้คนทะเลาะกัน แต่ว่าความคิดเห็นต่างกันเราต้องยอมรับ ผมดูทีวีแล้วผมก็สงสารคุณช่อ อย่าเพิ่งหัวเราะ คุณช่อทำอะไรผิดไปหมด เห็นใจเขาอาจจะเพราะบุคลิกเขาเป็นคนอย่างนั้น แต่ในความปรารถนาของเราก็ยังมีอะไรที่ควรชมเชย เพียงแต่ความปรารถนาดีของเขาและพวกเขานั้น มันไม่ทันต่อเหตุการณ์ในบ้านเมือง มันก้าวล้ำไปอีกไกล หลายคนยังยอมรับไม่ได้”

นายสนธิ เล่าชีวิตในเรือนจำช่วงหนึ่งว่า สิ่งหนึ่งที่ผมชำนาญมากพวกคุณไม่มีใครรู้ ผมบอกได้หมดว่า ช่องทีวีช่องไหนเป็นช่องใคร ใครปิดไปบ้าง ใครบ้างที่เป็นพิธีกรช่องโน่นช่องนี้เพราะว่าดูจนจำแม่น แต่ตอนหลังกรมราชทัณฑ์รู้สึกว่า ให้ดูข่าวมากเกินไปไม่ดีเดี๋ยวฟุ้งซ่าน เลยให้หลงละเมอกับความบันเทิงบังคับให้เปิดเฉพาะช่องโมโน29 ก็ดูทุกวันหนังเก่าๆ เวียนแล้วเวียนอีก มีหลายอย่างที่กรมราชทัณฑ์จะต้องปรับปรุงแก้ไข แต่ในยุค พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ทำได้ดีมาก ผมไม่มีอะไรจะพูดเพิ่งออกมา มีอยู่อย่างเดียวไม่ต้องกังวลผมยังมีความเห็นที่ออกไปข้างนอกผ่านเฟซบุ๊กสนธิ ลิ้มทองกุล

“ผมเห็นประชาชนคนไทยที่แท้จริงมันอยู่ในคุก คนจนมันจนจริงๆ 30 เปอร์เซนต์ของคนติดคุก ติดเพราะไม่มีทนายที่เก่ง เขาพูดว่าคนรวยไม่ติดคุกจริง 70 เปอร์เซ็นต์ ไม่จริง 30 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยที่สุดถึงผมไม่มีเงินเป็นแสนๆล้านเหมือนพวกกระทิงแดง แต่ผมชดใช้กรรมของผม ทุกเม็ด ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกวินาที คุณบอลตอนนี้อยู่ที่ไหน คุณทักษิณอยู่ที่ไหน คุณยิ่งลักษณ์อยู่ที่ไหน อยากจะบอกว่าการติดคุกไม่น่ากลัวถ้าทำใจได้ อาหารไม่เลวนักพอแหลกได้ เพราะฉะนั้นแล้วอย่าไปกังวล มีอยู่อย่างเดียวที่เลวที่สุด คือ ผ้าห่ม 3 ผืน แต่อธิบดีฯ สั่งแก้แล้วให้ใช้ที่นอนยางพารา แต่งบประมาณยังมีไม่พอก็เลยรอไปนิดนึง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า กำหนดท่าทีเคลื่อนไหวทางการเมืองของตนเองอย่างไร นายสนธิ กล่าวว่า ผมคิดว่าผมให้ความรู้คนมากกว่า การออกถนนผมคงไม่ออก และผมคิดว่ามันหมดยุคของการออกถนนแล้วมันหมดยุคจริงๆ องค์ความรู้สำคัญมาก พร้อมฝากปรัชญาชีวิต 2 ข้อ คือ 1.มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหล่ะ 2.แล้วมันจะผ่านไป

“ผมคิดว่าอย่าไปรังเกียจรังงอน พลเอกประยุทธ์ อธิบายแล้วเหมือนลูกที่ท้องแล้ว ท้องมาแล้ว ตั้งมาแล้วผลักดันมาแล้ว และผมก็ไม่เคยตื่นเต้นว่าคนนั้นจะออกจากพรรคร่วมรัฐบาล คุณเชื่อผมในระบบการเมืองเขาหาทางแก้ไว้เรียบร้อยแล้ว สมัยก่อนเป็นอย่างนี้ สมัยนี้ก็เป็นอย่างนี้ แล้วสมัยหน้าก็จะเป็นอย่างนี้ ใครจะไปรู้ล่ะ ผมคิดว่าในพรรคเพื่อไทยต้องมีอยู่อย่างน้อย 20-30 คน ที่เขาซื้อไว้เรียบร้อยแล้วเพราะนี่คือการเมืองเมืองไทย คุณไปตัดสินมันด้วยเหตุการณ์นี้ แล้วเอาศีลธรรมจริยธรรมาตัดสินการเมือง การเมืองเมืองไทยไม่เคยมีจริยธรรมเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วผมถามคุณคำนึงมีรัฐบาลชุดไหนบ้างที่เป็นรัฐบาลแล้วไม่ต่อยอด คุณจำที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกฯได้ไหมทันทีเลยก็ต้องการต่อยอดให้เป็นรัฐบาลต่อไป ทุกรัฐบาลเหมือนกันหมด เมื่อเหมือนกันหมดแล้วมันก็ต้องมีการต่อสู้กัน”