การแสดงเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตที่เคยทำ ยากกว่าการร้องเพลงมา 20 ปี ของ “พลพล”

วงการบันเทิงไทยมีนักร้องหลายคน ได้พาตัวเองเข้าสู่การเป็นนักแสดง หรือทำทั้งสองสิ่งไปพร้อมๆกัน เพื่อลิ้มลองประสบการณ์ใหม่ๆ และคว้าโอกาสบนเส้นทางนี้ให้กับตัวเองได้ทำในสิ่งที่รัก  การได้รับบทบาทเล่นเป็นใครสักคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่ตัวเองเลย คงเป็นเรื่องที่ไม่ยากมากนักสำหรับนักแสดงมืออาชีพ แต่สำหรับเขาคนนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

พลพล พลกองเส็ง ศิลปินหนุ่มใหญ่ เสียงนุ่มทุ้ม กว่า 20 ปี บนเส้นทางการเป็นนักร้อง เขาเอ่ยปากว่า การแสดงเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตที่เคยทำมา หลังได้ลองชิมลางเล่นภาพยนตร์เรื่องแรก “มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง” พลพล ได้เปิดอกคุยกับห้องข่าวบันเทิงว่า เหมือนเป็นการก้าวข้ามผ่านช่วงชีวิตช่วงหนึ่ง ที่ได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ

พลพล พลกองเส็ง

จากนักร้องสู่การเป็นนักแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก

        “ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะเล่น เห็นเขาติดต่อมา เราก็แบบ เห้ย จริงหรอ พี่ก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ไหม เพราะเป็นคนที่ไม่จำเรื่องราว จำบทเป็นท่อนอะไรอย่างนี้ และที่ไม่อยากเล่นเพราะเกรงใจทีมงานทุกคน เรื่องแอคติ้ง เป็นปัญหาใหญ่ของพี่เลย แล้ววันที่ฟิตติ้งเสื้อผ้าเสร็จ เขาก็ส่งไปเรียนแอคติ้งกับครูนิดหน่อย แค่วันเดียว มันยากมาก ยากกว่าที่พี่ร้องเพลงมาประมาณ 20 ปี ถึงวันนี้ก็ยังคิดว่ามันไม่ใช่ ถึงวันนี้ที่ถ่ายทุกอย่างจบแล้วเนี่ย ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่นักแสดง ซึ่งแบบมันยากมากอ่ะ ยากสุดในชีวิตที่เคยทำ (หัวเราะ)

 ถอดใจตั้งแต่วันแรกแล้ว

“ถอดใจตั้งแต่วันแรกเลยครับ (หัวเราะหนักมาก) เป็นวันแรกที่พี่กลับมาจากงานที่ญี่ปุ่นตอนตีสอง แล้วตีห้า หกโมงต้องถึงกองถ่ายแล้ว ซึ่งมันเป็นวันที่ร่างกายก็ไม่พร้อม สมองก็ไม่พร้อม ซึ่งมันยากทุกอย่างเลย ยากในวันเดียวเลย มันก็เลยรู้สึกว่ามันถมอยู่วันเดียวเลย มันเหนื่อยมาก ไม่มีวันให้ทำใจเลย”

       “ทุกคนก็ไม่เคยเล่นเรื่องนี้เหมือนกัน เราก็น่าจะทำได้”

     “ตั้งแต่ที่เราไปฟิตติ้ง ไปเรียนการแสดง เราเห็นคนอื่นๆ และทำให้เรารู้สึกว่า ทุกๆคนก็ยากเหมือนกันนะในบท ทุกคนก็ไม่เคยเล่นเรื่องนี้เหมือนกัน เราก็น่าจะทำได้ แล้วเราก็ถามผู้กำกับหลายครั้งแล้วว่า มั่นใจนะ ว่าเอาผมมาเล่น มั่นใจใช่ไหม เขาบอกว่าพี่ทำได้ๆ ก็เลยลองดูสักครั้งหนึ่งอะไรอย่างนี้ ก็เลยตัดสินใจว่าต้องทำให้ได้ในวันนั้น”

 หากชีวิตจริงสั่ง Take ได้เหมือนภาพยนตร์คงจะดี

“การมาเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ เหมือนพี่ข้ามผ่านช่วงชีวิตช่วงหนึ่งของเรา ที่เราได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ แล้วก็สนุกที่ได้เจอเพื่อนๆ ได้ Take เวลาผิดแล้วก็เอาใหม่ ผิดแล้วก็เอาใหม่ มันเหมือนแบบ เออ ถ้าเป็นชีวิตจริงแล้วมัน Take ได้แบบนี้ก็คงจะดี แต่พอผ่านเรื่องราวตรงนี้มาได้ มันก็ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับความตั้งใจ ถ้าเราจะทำจริงๆ ดีไม่ดียังไง อยู่ที่ว่าคนดูจะตัดสินเอง”

กับบทบาท เคี้ยง ในภาพยนตร์ มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง  เฮียผมยาว ขายราดหน้า แต่งตัวบ้านๆ ที่มีลูกชายชื่อดื้อ และก็ดื้อมาก แถมยังเป็นคุณพ่อที่เลี้ยงลูกเอาแต่ตัว อยากให้ลูกเป็นเหมือนกับตัวเอง พลพล เล่าว่า ช่างต่างกับชีวิตจริงสุดขั้ว แม้ในชีวิตจริงจะเป็นคุณพ่อที่มีลูกชายเหมือนกัน

เล่าถึงลูกในชีวิตจริง

“พี่เลี้ยงลูกคนที่เป็นลูกจริงเนี่ย เลี้ยงให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น อยากทำ เรามีส่วนคือ พาไป แนะนำ แล้วก็ส่งเสริม จะบอกเขาตลอดเวลาเรื่องการรังแกเพื่อน ว่าเราเป็นผู้ชาย เขายังไม่เคยทำแต่เราจะเตือนเขาตั้งแต่แรกๆ ให้เกียรติคนอื่น พ่อแม่ทุกคนอยากให้เป็นแบบนี้ ซึ่งตอนนี้เป็นห่วงว่า ให้เกียรติมากเกินไป เริ่มเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่าแล้ว”

เล่าถึงลูกในภาพยนตร์ มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง

“ในหนังลูกดื้อมาก คือไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ไม่ตั้งใจเรียน จะทำแต่สิ่งที่ตัวเองชอบอย่างเดียวเลย ก็ดื้อมากอ่ะ ดื้อในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ลูกอยากจะวิ่งแข่งเพื่อไปเป็นตัวแทนประเทศ พ่อก็จะห้ามบอกว่าให้ไปตั้งใจเรียนเถอะ ก็อยากเอาสมบัติที่ตัวเองมี คือวิชาราดหน้าให้กับลูก ลูกต้องทำแบบนี้ ต้องทำตามนี้  แต่ว่าลูกก็ไม่อยากได้ ดื้อมาก เรื่องนี้อาจเป็นมุมมองให้กับวัยรุ่นดูแล้วกันว่า บางทีดื้อก็ได้ดีก็มี แต่ถ้าดื้อมาก บางสิ่งบางอย่างมันก็ทำร้ายชีวิต และครอบครัว อย่างนี้ครับ”

แม้การแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกนั้น จะเป็นช่วงที่พลพลมองว่า เป็นช่วงยากช่วงหนึ่งของชีวิต แต่ตลอดการพูดคุย เขาเล่าเรื่องราวในช่วงยากๆนี้ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม อย่างอารมณ์ดี และมองเห็นถึงแววตาความภาคภูมิใจว่าครั้งหนึ่ง ได้ทำในสิ่งที่คิดว่าจะทำไม่ได้ ให้สำเร็จแล้ว เป็นกำลังใจให้ พลพล กับฝีมือการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรก และเฮียเคี้ยง ที่มีลูกชาย ดื้อมาก ได้ในภาพยนตร์มิสเตอร์ดื้อกันท่าเหรียญทอง 18 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์