“คิง ก่อนบ่าย” ความสุขผมคือการได้เป็นตัวของตัวเอง และเป็นคนอื่นก็ได้ด้วย

คิง ณภัทร หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ คิง ก่อนบ่าย หนึ่งในนักแสดงตลก ที่ถือว่าขึ้นแท่นการเป็นตลกก๊อบปี้โชว์ จากการเลียนลักษณะท่าทางของศิลปินชื่อดัง อย่าง เสก โลโซ ได้เหมือนสุดๆ จนพลิกชีวิต ให้มีคนรู้จักมากขึ้น ทำให้ค้นพบเส้นทางของตัวเอง แต่ชีวิตของการเป็นนักแสดง ก็คงหนีไม่พ้นกระแสดราม่าที่เกิดขึ้นจากบุคคลที่ไม่เห็นด้วย กับคำถามที่ว่า ทำไมต้องไปเป็นคนอื่น ทำไมไม่เป็นตัวของตัวเอง และกว่าจะมาเป็นคิง ก่อนบ่าย ในทุกวันนี้เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง มีโอกาสได้เจอคิง ในวันที่ต้องมาถ่ายโปสเตอร์ผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องล่าสุด “มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง” คิงได้พูดคุยเปิดใจกับทีมห้องข่าวบันเทิง

คนอื่นฟังเพลง เราฟังตลก ความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็ก 

“เด็กคนอื่นๆ เวลาไปเที่ยวงานวัด เขาก็จะไปดูหนัง ส่วนเราจะไปนั่งดูลิเก เพราะว่าเราชอบเวลาตัวโจ๊กลิเกออกมา เวลาเราไปตลาดนัดตามบ้าน เราก็จะไปหาซื้อเทปคาสเซ็ทของตลกคณะเก่าๆ แล้วก็เอามานั่งฟัง คนอื่นฟังเพลงแล้วเราฟังตลก พอมีวีดีโอเราก็ดูวีดีโอตลก มันถูกซึมซับมาแบบนั้น และด้วยความที่เราเป็นคนชอบเป็นเหมือนลิง ชอบแต่งตัวแต่งหน้า ก็เลยชอบทางด้านตลก ชอบเห็นคนอื่นเขาหัวเราะแล้วเรามีความสุข เราไม่อายถ้าคนจะหาว่าเราบ้า แต่ถ้าคุณหัวเราะเมื่อไหร่ มันเป็นความสุขของเรา

สมัยเรียนที่จังหวัดประจวบฯ เราก็ไปขออาจารย์ที่โรงเรียนว่า ขอไปเล่าเรื่องตลกหน้าเสาธงให้กับเพื่อนๆฟัง เราก็ไปเล่า ปรากฏว่าคนชอบ เขาขำมันก็เลยเป็นแรงผลักดันมา หลังจากนั้นก็ฝึกมาเรื่อยๆ แล้วเล่นตามงานบวช งานแต่ง เขามีวงดนตรี แต่เราจะขึ้นไปคนเดียว ขึ้นไปพูดอยู่คนเดียวเหมือนทอล์กโชว์ เริ่มจากคนด่า ไม่ฟัง เป็นใครว่ะ คนเขากำลังเต้นกันอยู่ อยู่ดีๆมาพูด จากคนไม่รู้จักเรา จนคนยอมรับ จากค่าตัวสามร้อยในวันนั้น จนมาถึงทุกวันนี้”

คิง ณภัทร เริ่มเข้าวงการบันเทิง ด้วยการประกวดรายการค้นคว้าหาดาวตลกหน้าใหม่ มาเล่นในรายการก่อนบ่ายคลายเครียด  โดยมีเจ้าของรายการคือ เป็ด เชิญยิ้ม คิงได้เข้ารอบ และได้มีโอกาสเข้ามาฝึกฝน และแสดงตลกอย่างจริงจัง เป็นที่มาของนามสกุล ก่อนบ่ายของเขา แต่เหมือนกับว่า ทุกอย่างไม่เป็นอย่างฝันที่เขาคิดไว้ตั้งแต่แรก

             “เหมือนเราเป็นปลาชะโดของจังหวัดประจวบฯ พอมาอยู่ในแหล่งน้ำแหล่งใหม่ เราเหมือนปลาซิวปลาสร้อย ตัวเล็กมาก มีปลาที่ใหญ่กว่าเราอีก”

        “เส้นทางชีวิตผมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ บางทีเราคิดว่าเราชนะการประกวดแล้ว  เราได้รับคัดเลือกแล้ว มันจะต้องมีงานเข้ามาเลย มันต้องมีรายได้ แต่พอมาอยู่จริงๆมันไม่ใช่ สองปีที่เข้ามาอยู่แล้วแบบว่าร้องไห้ เพราะว่าไม่มีคนรู้จักเรา และศาสตร์การเล่นต่างกัน จากที่เล่นตลกคนเดียวมาเล่นตลกแบบเป็นคณะ เราก็เข้ากับเขาไม่ได้เพราะเราไม่รู้จังหวะ มันก็ทุกข์ อยากจะกลับไปบ้านด้วยซ้ำ ตอนนั้นผมก็ยืมเงินเขาทั่วเลย เพราะการใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพ ผมทั้งต้องผ่อนรถ มาเช่าห้องก็อาศัยอยู่กับญาติๆ นอนรวมกับเขาเพื่อหารค่าห้อง ข้าวเราก็อาศัยไปกินที่ออฟฟิศ ไปช่วยงานเขา ทำงานแลกข้าว จนวันหนึ่งมันพลิกผ่านมาได้ ก็ทำให้ครอบครัวดีขึ้นมาได้ มันก็รู้สึกว่า ถ้าเรามีความอดทนมากพอ ทำและพิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้ทุกคนได้ยอมรับ สิ่งเหล่านั้นมันจะกลับมาตอบแทนเราเอง”

 การค้นพบตัวเอง ในความสามารถด้านก๊อบปี้โชว์

“ด้วยความที่เราคิดตลอดเวลาว่า เราจะเอาอะไรมาขาย เราจะหาจุดขายของตัวเองยังไง เพราะว่าการเป็นตลก พูดได้ เล่นมุกได้ หน้าตาอย่างเรา ตัวก็แค่นี้ มันไม่ได้มีอะไรเป็นจุดเด่นเลย มันก็เหมือนคนอื่นทั่วไป ก็ชอบร้องเพลงอยู่แล้วด้วย ชอบเลียนแบบนู่นนี่นั่น เลียนเสียง จนมาเป็น เสก โลโซ เป็นช่วงที่พี่เสก โลโซ เขามาออกรายการ และก็หาเงาเสียงเสก โลโซ ด้วยจังหวะที่ว่า เราไปเลียนแบบคาแร็กเตอร์ เลียนแบบการพูด เลียนแบบท่าทางของเขา แล้วพี่เสกชอบ ก็เลยเลือกให้เราเป็นก๊อบปี้เขา เลือกให้เราชนะ หลังจากออกอากาศไป เหมือนคลิปนั้นมันดังมาก คนก็เลยรู้จักเรามากขึ้น ว่าไอ้คนนี้เนี่ย ที่ก๊อบปี้ เสก โลโซ”

ความสุขที่แท้จริง คือการเป็นตัวเอง ไม่ใช่คนอื่น

“คือจริงๆ ผมอยากเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด บางคนดราม่ามา ทำไมคุณต้องไปเกาะคนนู้น เกาะคนนี้ ทำไมไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ถามว่าพอเจอหน้า อ้าว พี่เสก เขาไม่ได้เรียกพี่คิง เขาเรียกพี่เสก  คือพอคนเขาเจอเรา เขาบอกว่า ไหนทำเสียงพี่เสกให้ดูหน่อย ไหนทำเสียงนายกให้ดูหน่อย  เราก็ต้องทำให้เขา พอทำแล้วเขามีรอยยิ้ม นั่นคือประสบความสำเร็จแล้ว  ก็เหมือนเป็นความสุขที่คนได้เห็นเราเป็นคนนั้นคนนี้ด้วยเหมือนกัน

ผมว่าเหรียญมันมีสองด้านอยู่แล้ว อะไรที่มันออกไปมันมีทั้งคนชอบ และไม่ชอบ มันอยู่ที่การตีความมากกว่า ถ้าเขามองว่า เราไปล้อเลียน เย้ยหยัน เราก็ถูกมองเป็นลบทันที แต่ถ้าคนมองว่า คลายเครียด เหมือนการ์ตูนล้อเลียน อะไรอยางนี้ คนก็จะไม่เครียด เหมือนตอนพี่เสก ก็โดนดราม่าว่าเขาป่วยอยู่และเอาเขามาล้อเลียน ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีใครรู้ว่าเราติดต่อกับพี่เสกอยู่ ไปเยี่ยม ไปหา ไปดูแลอาการป่วย แต่ล่าสุดมีก๊อบปี้เหมือนกว่าพี่เสกอีก ก็คือท่านนายก กระแสแค่วันเดียวไปไกลมาก ซึ่งจริงๆแล้วเราไม่ได้คิดร้าย แต่เพียงว่า คาแรกเตอร์ท่าน ชัดนะ เราก็เลยเอามาเล่น จริงๆ เราเคยเล่นหลายเวทีแล้ว แต่เวทีวันนั้นมันออกมาน่าจะโดนใจสุด ผมว่าตอนนั้น คนก็กำลังเครียดๆกับเรื่องการเมือง แล้วเจออะไรที่มันเป็นแบบว่า เออมันฮาดี มันก็เลยเป็นกระแส ซึ่งบางทีก็ต้องปล่อย เพราะถ้ายิ่งตอบโต้ก็เหมือนได้ใจเขาอ่ะ ถ้าเราไปใส่ใจมากมันก็บั่นทอนจิตใจเรา แต่ถ้าเราทำออกมาแล้ว คิดจะปล่อยในโซเชียลแล้ว เราก็ต้องรับผลกระทบมันให้ได้”

 ผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องล่าสุด มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง 

ในเรื่องรับบทเป็นคนขายนำแข็งชื่อสำราญ จะเป็นคู๋หู คู่ฮา คู่กัดของพี่พลพล (ในบทคือเคี้ยง พ่อของพระเอก) คือเราจะรู้เรื่องราวในบ้านของพี่พลพลตลอด คอยให้คำปรึกษาด้วย เหมือนเป็นเพื่อนต่างวัย ดื่มด้วยกันตลอด บทบาทก็ใกล้เคียงกับตัวเรา แต่ความยากคือ ต้องเล่นเป็นเพื่อนกับคนที่อายุเยอะกว่า คือตัวจริงจะไม่ก้าวร้าว คือจะไม่เล่นหัวคนที่อายุเยอะกว่า แต่ในเรื่องมันจะต้องประมาณนั้น ความน่าสนใจของเรื่องนี้ เป็นเรื่องใกล้ตัว เข้าถึงด้วย และไม่ได้ตั้งใจจะเล่นมุก มันไม่ได้ชงมุกกันทั้งเรื่อง มันขำด้วยตัวของมันเอง