SHARE

คัดลอกแล้ว

TaxBugnoms ไขข้อข้องใจการรับเงินบริจาคแบบ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” จะถูกส่งข้อมูลไปให้กรมสรรพากร หากเข้าเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด แต่มองว่าไม่สามารถเก็บภาษีได้ เพราะไม่ใช่รายได้ เป็นเพียงทางผ่านไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม แต่การให้เงินทั้งหมดขึ้นอยู่กับกรมสรรพากรตีความ

วันนี้ (17 ก.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า TaxBugnoms ได้โพสต์ข้อความว่า “การรับเงินบริจาคแบบพี่บิณฑ์แบบนี้ จะโดนส่งข้อมูลให้พี่สรรพากรไหมครับ?” โดยระบุว่า มีหลายคนถามปัญหานี้เข้ามา ขออนุญาตตอบเป็นความเห็นโดยอ้างอิงตามหลักการกฎหมายดังนี้

  1. ถ้าถามว่า จะโดนส่งข้อมูลไหม คำตอบ คือถ้าเข้าเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้ นั่นคือ ตั้งแต่ 3,000 ครั้ง/ปี ขึ้นไป หรือ 400 ครั้ง/ปี และมียอดเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ย่อมจะถูกส่งข้อมูลอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าถามว่ากรณีพี่บิณฑ์ถูกธนาคารส่งข้อมูลให้สรรพากร คำตอบ คือต้องถูกส่ง และถูกส่งภายในวันที่ 31 มีนาคม 2563 ตามเงื่อนไขของกฎหมาย

 

  1. แต่ประเด็นต่อคือ จะถูกประเมินภาษีไหม? คำตอบตรงนี้ต้องแยกก่อนว่า กรณีที่ธนาคารส่งข้อมูลให้กับสรรพากรนั้น ทางสรรพากรเองไม่สามารถประเมินภาษีได้ทันที หรือถ้าจะประเมินจากกรณีนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกต้องสักเท่าไร เพราะตัวพี่บิณฑ์เองน่าจะมีหลักฐานการบริจาคที่ชัดเจนให้เห็นอยู่แล้วว่า เงินที่เข้าบัญชีหมด ได้ถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือเรื่องน้ำท่วมต่อไป

 

ถ้ามองในแง่ของการทำงาน และหลักฐาน โดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีการประเมินภาษีจากกฎหมายในส่วนนี้ได้ เพราะว่าเงินที่ได้มานั้นมันมีหลักฐานการเข้าออกบัญชีที่พิสูจน์ได้ว่า ไม่ใช่รายได้ของพี่บิณฑ์ แต่เป็นเพียงทางผ่านของเงินไปเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหา ดังนั้น กฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถเก็บภาษีได้ครับ จากหลักฐานที่ว่ามา และเป็นเครื่องยืนยันอย่างนึงให้เราเข้าใจว่า ถ้าหากเรามีหลักฐานการใช้จ่ายเงิน หรือรับเงินที่พิสูจน์ได้ ต่อให้ถูกส่งข้อมูลให้สรรพากรไปจริงๆ ก็ไม่สามารถประเมินภาษีได้

 

  1. ถ้าหากจะมองในแง่ของปัญหาด้านภาษีจริงๆ อาจจะไปดูที่เรื่องของ #ภาษีการรับให้ น่าจะเป็นไปได้มากกว่า เพราะว่ากรณีนี้มีการได้รับเงินมากกว่า 10 ล้านบาทแน่ๆ และถ้ามองในแง่ของกฎหมาย การให้เงินทั้งหมดนี้ จะถูกตีความว่าเป็นการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา ให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณีจากบุคคลอื่นหรือเปล่า อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าทางสรรพากรเองมองไปในทางไหน

 

ถ้าให้มองจริงๆ เงินก้อนนี้ควรได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หาที่ผู้ให้แสดงเจตนาใช้เพื่อกิจการสาธารณประโยชน์มากกว่า อย่างไรก็ดี คิดว่าเรื่องใหญ่ที่คนในชาติกำลังช่วยเหลือกันแบบนี้ คงไม่มีใครจะมาคิดจัดเก็บภาษีจากเงินก้อนนี้ เพราะเราก็รู้กันดีว่าเงินก้อนนี้ถูกใช้เพื่อช่วยเหลือคนอื่นต่อ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตัวเอง จริงไหมครับ?

โพสนี้ถือว่าแลกเปลี่ยนเป็นความรู้และมุมมองการวิเคราะห์เรื่องภาษีดีกว่าครับ และเป็นการย้ำเตือนว่า บัญชีรายรับรายจ่าย หรือรายการต่างๆ ในบัญชี เป็นเรื่องที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญกับมันครับ

 

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

  •  พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48)
  •  พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 40)
  •  มาตรา 42 (29)

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า