SHARE

คัดลอกแล้ว

เกรต้า ธันเบิร์ก คือสาวน้อยผู้เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน เธอคือแรงบันดาลใจให้คนหลายล้าน หันมาใส่ใจเรื่องของมลภาวะ

ความจริงจังอยากแก้ไขปัญหาโลกร้อนของเด็กสาววัย 16 ปีคนนี้ ทำให้สื่อมวลชนตั้งฉายาให้เป็น “Climate Icon” ขณะที่ในโลกออนไลน์ ก็มีทั้งคนชื่นชมเธอ และบางส่วนที่ตั้งคำถามว่า เด็กอายุขนาดนี้ คิดเรื่องแบบนี้ได้จริงหรือ หรือว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง

Workpoint News จะสรุปเรื่องราวของเกรต้า ธันเบิร์ก ใน 23 ข้อ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มประท้วง จนถึงวันนี้

1) เกรต้า ธันเบิร์ก เป็นเด็กผู้หญิงชาวสวีเดน เธอเกิดวันที่ 3 มกราคม 2003 มีคุณแม่เป็นนักร้องโอเปร่า และ คุณพ่อเป็นนักแสดง

2) ในวัย 8 ขวบ เธอได้ยินปัญหาภาวะโลกร้อนเป็นครั้งแรก และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีใครเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย ในช่วงแรกเธอพยายามแก้ไขด้วยตัวเองในสิ่งที่ทำได้ เช่นปลูกผักไว้กินเองที่บ้าน ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง และ ประกาศว่าจะไม่ขึ้นเครื่องบินอีกเลย เพราะไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มมลภาวะทางอากาศให้กับโลก

3) เกรต้า เริ่มตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนมากขึ้น เธอใช้เวลาศึกษาสาเหตุว่าทำไม สภาพอากาศถึงเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นขนาดนี้ เธอได้เรียนรู้ว่า ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีสิ่งมีชีวิตอย่างน้อย 200 สายพันธุ์ ต้องสูญพันธุ์ไปเรื่อยๆในแต่ละวัน

“ฉันไม่เข้าใจว่า ทั้งๆที่เรารู้ปัญหาว่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จะทำให้โลกร้อนขึ้น และนำไปสู่การสูญสิ้นมนุษยชาติ ทำไมเราถึงไม่ทำอะไรเลย พวกเราเป็นปีศาจอย่างนั้นหรือ?” เกรต้าเผยความรู้สึก

4) พฤษภาคม 2018 เกรต้า มีอายุ 15 ปี เธอชนะเลิศการเขียนบทความปัญหาโลกร้อน ที่จัดโดย นสพ.สเวนก้า แด็กบลาเด็ต ในสวีเดน โดยประโยคเด็ดที่เธอเขียนในบทความคือ “ฉันเองอยากจะรู้สึกปลอดภัยในชีวิต แต่มันจะรู้สึกแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เราอยู่ในช่วงวิกฤติที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ”

การที่เห็นผู้ใหญ่ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับปัญหาโลกร้อนเลย ทำให้เธอรู้สึกเครียด นั่นเพราะเหมือนคนในยุคปัจจุบัน จะทำทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ โลกจะเป็นอย่างไรก็ช่าง และโยนภาระมาให้คนรุ่นหลังอย่างพวกเธอต้องคอยแก้ปัญหากันเอง

“ฉันรู้สึกว่าผู้ใหญ่บางคนจะคิดว่า ‘ยังไงเราก็อยู่ไม่ถึงตอนนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นก็ช่างหัวมันสิ’ แต่มลภาวะ และโลกร้อนที่ผู้ใหญ่ในยุคนี้สร้างขึ้น มันจะมีผลต่อเด็กๆในรุ่นของเราไปตลอดชีวิต”

5) สิงหาคม 2018 ประเทศสวีเดน มีช่วงซัมเมอร์ที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ 262 ปี ของประเทศ นั่นทำให้เกรต้า รู้สึกว่าเธอต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เธอปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้อีก

ก่อนหน้านี้เธอมีโอกาสได้เห็น การประท้วงของเยาวชนที่รัฐฟลอริด้า ที่ไม่ยอมเข้าเรียน เพื่อแสดงออกว่า ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาควรมีกฎหมายควบคุมการใช้อาวุธปืนได้แล้ว โดยวิธีการนี้ดึงดูดความสนใจของเธอ เพราะการไม่ต้องเข้าเรียนเป็นการแสดงออกอย่างง่ายที่สุดของคนเป็นนักเรียน แถมไม่สร้างความลำบากให้ใครอีกด้วย

เกรต้า ชวนเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ทำการ Strike หรือไม่ยอมเรียนเหมือนเธอ แต่ได้รับการปฏิเสธ ไม่มีใครคิดว่าไอเดียของเธอเข้าท่าเลย

6) 20 สิงหาคม 2018 แม้ไม่มีใครเห็นด้วยก็ช่าง เธอไม่แคร์ ณ เวลานั้น โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว เกรต้าเรียนอยู่ในระดับ เกรด 9 (เทียบกับไทยคือ ม.3) เธอตัดสินใจจะไม่เข้าเรียนหนังสือ และไปนั่งอยู่ด้านหน้ารัฐสภาสวีเดน พร้อมกับชูป้ายแผ่นไม้ที่เขียนด้วยลายมือตัวเองว่า “ไม่ไปเรียนหนังสือเพื่อประท้วงโลกร้อน” นอกจากนั้นเธอยังทำใบปลิว อธิบายความน่ากลัวของโลกร้อน ให้คนที่ผ่านมาผ่านไปได้อ่านอีกด้วย

โดยในใบปลิว เธอเขียนว่า “ในเมื่อผู้ใหญ่ไม่เคยสนใจห่าอะไรเกี่ยวกับอนาคตของฉันเลย ดังนั้นทำไมฉันทำไมต้องสนใจ คำสั่งให้ต้องไปเรียนหนังสือล่ะ ฉันชื่อเกรต้า ฉันเรียนอยู่เกรด 9 และปฏิเสธที่จะไม่ไปโรงเรียน เพื่อประท้วงเรื่องโลกร้อน”

7) ในช่วงแรกไม่มีใครสนใจเธอนัก แต่พอมีนักข่าว 2 สำนัก จับประเด็นเธอไปลงในโลกออนไลน์ เธอจึงกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น มีคนเห็นด้วยกับเธอไม่น้อย ว่าโลกร้อนควรบรรจุเป็นวาระสำคัญของประเทศ

8) เกรต้า หยุดเรียนประท้วงเป็นเวลา 3 สัปดาห์ติดต่อกัน จนถึง 9 กันยายน 2018 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งของประเทศสวีเดน ที่หน้ารัฐสภา มีเด็กนักเรียนมาร่วมประท้วงกับเธอเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ใหญ่บางคนไปถามเธอว่า แทนที่จะเอาเวลามาประท้วง ทำไมไม่กลับไปเรียนหนังสือ เป็นนักวิทยาศาสตร์เก่งๆแล้วหาวิธีดีๆมาเพื่อช่วยลดโลกร้อน เกรต้าตอบกลับไปว่า “ทำไมฉันต้องไปโรงเรียนอีกล่ะ ในเมื่อไม่มีใครสนเรื่องข้อเท็จจริงกันอีกแล้ว ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เสนอวิธีมากมาย มาเพื่อช่วยลดโลกร้อน แต่ไม่มีใครฟัง นักการเมืองไม่เคยฟัง แล้วทำไมฉันต้องไปเรียนหนังสือเพื่อเป็นนักวิทยาศาสตร์ล่ะ?”

9) ขณะที่คุณพ่อและคุณแม่ของเกรต้า สนับสนุนการตัดสินใจของลูกสาว “ใช่ เธอสมควรจะอยู่ในโรงเรียน แต่เราก็เคารพในความคิดและจุดยืนของเธอ” คุณพ่อกล่าว “ถ้าให้เราเลือกระหว่าง บังคับให้เธออยู่บ้านหรือไปเรียนแต่ไม่มีความสุข กับมาประท้วงแล้วมีความสุข เราเลือกแบบหลัง”

10) หลังจบการประท้วง 3 สัปดาห์แรก เกรต้า ตัดสินใจกลับไปเรียนหนังสือ เธอยังคงประท้วงต่อ แต่จะลดปริมาณลงจากเดิม จากที่ทำทุกวัน เธอจะหยุดเรียนเฉพาะแค่วันศุกร์เท่านั้น พร้อมทั้งมีการสร้างแฮชแท็ก #Fridaysforfuture (ขอวันศุกร์เพื่ออนาคต) ขึ้นมาใช้อีกด้วย

“ฉันคิดว่า แค่เด็กไม่กี่คนหยุดเรียนยังสามารถเป็นข่าวได้ขนาดนี้ ลองคิดดูสิว่าถ้าพวกเราทุกคนร่วมกันแสดงจุดยืนล่ะ จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้มากแค่ไหน”

“คุณจะเรียนหนังสือเพื่ออนาคตไปทำไม ถ้าหากอนาคตข้างหน้ามันไม่มี รายงานจากนักวิทยาศาสตร์บอกชัดเจนว่า โลกเราถึงจุดเริ่มต้นของความวิกฤติแล้ว ดังนั้นเรื่องโลกร้อนมันควรเป็นวาระสำคัญของโลก”

11) เกรต้ายกระดับการประท้วงไปอีกขั้น ด้วยการตั้งเว็บไซต์ Fridays for Future ขึ้นมา เพื่อเป็นจุดศูนย์กลาง รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นกับกิจกรรมการประท้วง และคอยจับตาดูว่ารัฐบาลของแต่ละประเทศ มีการผลักดันนโยบายใหม่ เพื่อลดโลกร้อนอย่างจริงจังหรือไม่

12) การหยุดเรียนของเกรต้า และคำพูดอันทรงพลังของเธอ สร้างความรู้สึกในใจให้คนรุ่นใหม่ เด็กๆหลายประเทศมีการหยุดเรียนกันเกิดขึ้น เพื่อให้รัฐบาลของประเทศตัวเอง มีการทบทวนนโยบายลดโลกร้อน ไม่ใช่อยู่นิ่งเฉย อย่างเช่นที่ออสเตรเลีย มีนักเรียนหลายหมื่นคน ที่ได้แรงบันดาลใจจากเกรต้า เดินออกมาประท้วงที่ถนนในเมืองเพิร์ธ

13) ถึงตรงนี้ เธอกลายเป็นสัญลักษณ์ทั้งของคนรักสิ่งแวดล้อม และของคนรุ่นใหม่ เด็กวัยรุ่นจำนวนมากเห็นด้วยกับเกรต้า ว่าผู้ใหญ่ในยุคนี้คิดจะทำอะไรก็ได้ โดยไม่สนใจว่าเด็กรุ่นหลังต้องมาแบกรับภาระ ดังนั้น ผู้ใหญ่ก็ควรกระทำอะไรสักอย่าง เพื่อส่งต่อชีวิตที่ดี ให้คนรุ่นหลังบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้เด็กๆต้องคอยตามแก้ปัญหาให้อย่างเดียว

14) ประโยคเด็ดที่เกรต้าพูด และคนเอาไป Quote เป็นคำคมคือ No One Is Too Small to Make a Difference “ไม่มีใครเด็กเกินไป ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง”

15) เกรต้า ได้รับเชิญให้ไปพูดในอีเวนต์สำคัญต่างๆทั่วโลก ตั้งแต่ Ted Talk ที่สตอกโฮล์ม ตามด้วยงาน เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม ที่เมืองดาวอส ในสวิตเซอร์แลนด์ และงาน EESC ที่บรัสเซลล์ ในประเทศเบลเยี่ยม ต่อด้วยไปพูดที่สภายุโรปในเมืองสตาร์บูร์กส์ ประเทศฝรั่งเศส

เธออธิบายจุดยืนอย่างหนักแน่นมาตลอด ถึงความน่ากลัวของภาวะโลกร้อน “ฉันอยากให้พวกคุณลงมือทำกันได้แล้ว ให้คิดซะว่าเราอยู่ภาวะวิกฤติ อยากให้คุณรีบลงมือทำ เหมือนว่าบ้านคุณกำลังโดนไฟไหม้ ซึ่งความจริง ภาวะโลกร้อนที่เป็นตอนนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับบ้านไฟไหม้เลย”

16) เกรต้าเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ นิตยสาร Time Magazine ยกย่องเธอให้เป็น 1 ใน 25 ผู้นำวัยรุ่นแห่งปี 2018 ขณะที่สมาชิกสภาของสวีเดน และนอร์เวย์ ส่งชื่อธันเบิร์กเข้าชิงรางวัลโนเบลในปีนี้

จากนั้น วันที่ 17 เมษายน 2019 เกรต้า ธันเบิร์ก มีโอกาสได้พบกับโป๊ปฟรานซิส ที่วาติกัน องค์สันตะปาปาได้กล่าวกับเกรต้าว่า “ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง ทำในสิ่งที่เธอทำต่อไป เดินหน้าต่อไป”

17) มีคนหยิบยกประเด็นเรื่องส่วนตัวของเกรต้ามาวิจารณ์ โดยบางความเห็นชี้ว่า เธอมีอาการแอสเพอเกอร์ (แอสเพอเกอร์ คือกลุ่มหนึ่งของโรคออทิสติค โดยคนที่เป็นแอสเพอเกอร์ จะหมกมุ่นกับการทำอะไรซ้ำๆ และมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม)

อย่างไรก็ตามตัวเกรต้า ทวิตตอบโต้ว่า “เมื่อไหร่ก็ตาม ที่คนโจมตีเรื่องรูปลักษณ์ หรือความแตกต่างของคุณ นั่นหมายถึงเขาไม่มีอะไรอย่างอื่นให้โจมตีแล้ว คุณก็รู้ได้เลยว่าคุณกำลังจะชนะแล้ว! ใช่ ฉันเป็นแอสเพอเกอร์ นั่นคือการกระทำอาจแตกต่างจากคนทั่วไป แต่ถ้าหากเราใช้ความแตกต่างให้ถูก มันคือซูเปอร์พาวเวอร์เลยล่ะ”

18) ในเดือนกันยายน 2019 มีการประชุมระดับผู้นำโลก เรื่องสภาวะอากาศ (UN Climate Action Summit) ที่สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติในนิวยอร์ก ผู้จัดได้เชิญเกรต้า ขึ้นปราศรัยในงาน แต่ตัวเกรต้า มีจุดยืนว่าจะไม่ขึ้นเครื่องบิน เพราะเครื่องบินปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่โลก ทำให้เธอตัดสินใจ ใช้เวลา 14 วัน ล่องเรือจากยุโรป มาที่นิวยอร์ก ซึ่งพอมาถึงท่าเรือที่นิวยอร์ก มีคนไปรอต้อนรับเธอหลายร้อยเลยทีเดียว

19) 23 กันยายน 2019 เกรต้า ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ที่สหประชาชาติ ด้วยถ้อยคำที่หนักหน่วง และซีเรียสทุกประโยค “ระบบนิเวศกำลังล้มลง เรากำลังจะสูญพันธุ์ แต่พวกคุณกลับพูดถึงกันแต่ความยิ่งใหญ่ของเศรษฐกิจ คุณกล้าดีอย่างไร!”

“วิทยาศาสตร์ตอบชัดเจนมากว่า 30 ปีแล้ว คุณกล้าดีมาก ที่ไม่ยอมให้ความสำคัญกับมัน แล้วยังมาบอกว่าพวกคุณทำดีพอแล้ว ทั้งๆที่นักการเมือง ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

20) เกรต้าอ้างอิงจากรายงานของนักวิทยาศาสตร์ ที่วิจัยเรื่องสิ่งแวดล้อม (IPCC) เธอบอกว่า ถ้าหากมนุษย์ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณเท่าเดิม ภายใน 12 ปี จะถึงจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว ดังนั้นตอนนี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่มนุษย์จะช่วยกันลดสภาวะโลกร้อน และนักการเมืองของประเทศต่างๆ ต้องออกนโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อมทันที ให้เป็นวาระเร่งด่วน

21) หลังจากเกรต้าขึ้นให้สุนทรพจน์ที่ สหประชาชาติ ก็มีคนรู้สึกกับเธอเป็นสองฝ่าย แบบแรกคือสนับสนุน และเห็นความสำคัญของการลดโลกร้อน ส่วนอีกมุมมองว่า เกรต้า อาจถูกใครบางคนชักใยอยู่เบื้องหลัง

ขณะที่ตัวเกรต้ายืนยันว่า เธอไม่ได้ถูกใครอยู่เบื้องหลังทั้งนั้น และเธอไม่อยากเสียเวลามาโต้เถียงกับเรื่องแบบนี้ เพราะเรื่องที่สำคัญกว่า คือเรื่องโลกร้อนที่อาจส่งผลให้มนุษยชาติล่มสลาย

22) ล่าสุด บรรดาผู้นำของโลก เริ่มให้ความสนใจเกรต้ามากขึ้น โดนัลด์ ทรัมป์ ทวิตข้อความถึงเกรต้าเมื่อวันที่ 24 กันยายน ขณะที่แองเจล่า แมร์เคิล ผู้นำของเยอรมัน ลงภาพในทวิตเตอร์ กำลังนั่งคุยตัวต่อตัวกับเกรต้าที่นิวยอร์ก

ตอนนี้สิ่งที่เกรต้าพยายามผลักดัน กลายเป็นวาระสำคัญที่ผู้นำของโลกต้องมาคุยกันอย่างจริงจัง

23) สำหรับกิจกรรม Fridays for Future ยังคงเดินหน้าต่อไป และคนที่เห็นด้วยกับเธอก็มีมากขึ้นทุกที

ในวันศุกร์ที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา มีเด็กวัยรุ่นมากกว่า 4 ล้านคนใน 170 ประเทศที่สไตรค์ ไม่ยอมไปเรียนหนังสือเพื่อแสดงจุดยืนเรื่องโลกร้อน

ขณะที่เกรต้า ธันเบิร์ก ทุกวันศุกร์ เธอก็ยังคงไม่ไปโรงเรียนเช่นเดิม

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า