พมจ.สตูลส่งลูกชายวัย 13 ปี ถูกล่ามโซ่ใต้ต้มมะขามคือสู่อ้อมอกพ่อ ขณะที่แพทย์ตรวจสุขภาพระบุ เด็กมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับพัฒนาการทางสมองจึงทำให้ไม่อยู่นิ่งเป็นเหตุให้พ่อต้องจับล่ามโซ่เพื่อไม่ให้เด็กซุกซนและเป็นอันตราย ขณะที่แพทย์ระบุว่า พ่อเด็กมีป่วยเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงมาก
วันที่ 26 ก.ย.2562 ความคืบหน้ากรณีเด็กชายวัย 13 ปี ที่ถูกพ่อจับมาล่ามโซ่ไว้ใต้ต้นมะขาม ใกล้บ้านพักในจังหวัดสตูล และมีตำรวจสภ.ควนกาหลง, พมจ.สตูล พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล เดินทางเข้าช่วยเหลือพร้อมนำเด็กมาไว้ยังที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล จากนั้นก็ได้นำเด็กไปตรวจสภาพร่างกาย ที่โรงพยาบาลสตูล
นายแพทย์ ระบุว่า บาดแผลที่เกิดขึ้นตามหัว-ขา และแขน เกิดจากการซุกซนของเด็กเอง และพบว่าน้องมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับพัฒนาการทางสมองที่ไม่เหมือนคนอื่น จึงทำให้น้องไม่อยู่นิ่งและไม่รู้ว่าน้องทำอะไรอยู่จึงน่าจะเป็นไปได้ว่า พ่อจับน้องล่ามโซ่เพราะสาเหตุนี้ หากไม่ล่ามน้องไว้น้องจะซุกซนและเป็นอันตราย ทางการแพทย์ถือว่าไม่ผิดเป็นวิธีการควบคุมตัวน้องไว้ แต่การใช้โซ่ล่ามที่เท้านั้นไม่เหมาะ และควรใช้ผ้ามัดไว้
นอกจากนี้แพทย์ยังระบุว่า จากการพูดคุยกับผู้เป็นพ่อโดยกับนักจิตวิทยาของโรงพยาบาลสตูล สรุปได้ว่า พ่อวัย 37 ปี ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงมาก เสี่ยงที่จะทำร้ายตนเองหรือทำสิ่งที่ไม่คาดคิด เพราะพบว่าพ่อมีปัญหาครอบครัวในอดีตที่ฝั่งใจไว้มานาน รวมทั้งสภาพความยากจนที่ต้องดูแลครอบครัว มีภรรยาใหม่แล้วทำหน้าที่พ่อดูแลลูกถึง 2 คน จึงเกิดความเครียดหลายๆ อย่าง บางทีก็มีอาการซึมเศร้าไม่พูดจาชอบอยู่คนเดียว คิดคนเดียว
นายอูมา หะยีมะเก๊ะ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล กล่าวว่า เด็กชายที่ถูกพ่อล่ามโซ่ไว้ได้ส่งกลับบ้านไปแล้ว เพราะสาเหตุที่ส่งกลับได้ตรวจสอบและดูว่าการกระทำไม่ได้โหดร้ายทารุนกับเด็กเพียงต้องการปัญหาปกป้องกันเด็กไม่ให้เกิดอันตรายยามตนเองพักผ่อน โดยจะล่ามโซ๋น้องไว้เป็นครั้งคราว แต่อย่างไรก็ไม่สมควรล่ามน้องกับโซ่ควรใช้ผ้ามัด และบาดแผลที่เห็นไม่ได้เป็นการทารุน ต่อจากนี้ก็จะมีชุดเฝ้าดูประเมินการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง หรือชุดติดตามผลโดยประสานการทำกับโรงพยาบาลในพื้นที่ เบื้องต้นได้ช่วยเหลือเป็นทุนดูแลตามศักย์ภาพที่ช่วยเหลือกัน
ด้านนักจิตวิทยา กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคืออาการของพ่อ เพราะมีสภาวะเครียดหลายๆ อย่างที่อยู่ในใจ นั้นหมายถึงโรคซึมเศร้าเป็นโรคที่น่ากลัว เพราะมีหลายอย่างที่พ่อของน้องวัย 13 ปีต้องรับภาระดูแล ครอบครัว หาเงินแม้กระทั้งจัดสรรเวลาเลี้ยงดูลูกชาย ถึงอย่างไรจะประสานการดูแลทั้งพ่อและลูก ส่วนพ่อทางหมอนัดรับยาดูแลไม่ให้เครียด ส่วนลูกชายก็ดูแลในการรักษาตามขั้นตอนกระบวนการที่ถูกต้อง