คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฏร ลงพื้นที่ตลาดไท เพื่อติดตามสถานการณ์ของผักและพืชผลทางการเกษตร ที่ถูกส่งมาขายในแต่ละวันกว่า 2,000 ตัน ขณะเดียวกันก็มีความชัดเจนในการเดินหน้าพิจารณายกเลิกการใช้สารเคมีการเกษตร 3 ชนิด โดยจะทำแผนเดินหน้าเสนอรัฐสภาในเดือนหน้า
วันที่ 20 ต.ค. 62 ที่ตลาดไท จ.ปทุมธานี คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฏร ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณจุดรับส่งผักและผลไม้ ที่นำเข้ามาจากประเทศจีน ผ่านมาทางการบรรทุกใส่ตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เนื่องจากการนำเข้าผักและผลไม้จากจีน ที่ผ่านมาทางท่าเรือเชียงของ จังหวัดเชียงรายปีละ 2,500 ล้านบาท ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบหาสารเคมี
โดยตัวแทนตลาดไทต้องการให้รัฐสนับสนุนน้ำยาและอุปกรณ์ตรวจหาสารเคมีในผักและผลไม้เพิ่มเติม เนื่องจากเป็นศูนย์กลางในการส่งต่อผักและผลไม้ ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือตรวจสอบเพียงชุดเดียว
ขณะนี้กรรมาธิการฯ มีความชัดเจนว่าต้องการขับเคลื่อนยกระดับให้เรื่องความปลอดภัยในผักและผลไม้ เป็นวาระแห่งชาติ โดยจะทำแผนงานเสนอรัฐสภาก่อนวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ และยืนยันมติกรรมาธิการว่า มีจุดยืนต้องการแบนการใช้สารเคมี 3 ชนิด ทั้ง พาราควอต ไกลโฟเซส และ คลอไพริฟอส ในภาคเกษตรกรรม
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สาเคมีในภาคอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตลาดไทเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าเกษตร แม้ว่าเปิดให้บริการมาแล้ว 23 ปี แต่การผลักดันให้เกษตรพยายามลดใช้สารเคมี หรือ ใช้ในปริมาณพอเหมาะ ได้ทำมานานกว่า 10 ปีแล้ว มีจุดขายผักร่วมใจ เป็นผักปลอดภัยสำหรับการขายส่งโดยมีคิวอาร์โค้ทที่ตัวผัก เมื่อสแกนแล้วจะสามารถตรวจสอบข้อมูลแหล่งที่มาและใบอนุญาตของผักได้ด้วย
สำหรับตลาดผักภาพรวมที่ตลาดไท จะมีปริมาณการค้าเฉลี่ยกว่าวันละ 2,000 ตัน ซึ่งการสุ่มตรวจพืชผักผลไม้ในแต่ละวัน จะทำวันละ 100-120 ตัวอย่าง ในจำนวนนี้เป็นการสุ่มตรวจผักประมาณร้อยละ 90
โดยตลอดทั้งวันนี้ คณะกรรมาธิการฯ จะลงพื้นที่ จังหวัดนครนายกสระบุรี และ ลพบุรี เพื่อดูตัวอย่างแปลงเกษตรที่ไม่ใช้สารเคมี นำมาสู่การจัดทำความเห็นต่อคณะกรรมาธิการ เพื่อเสนอกระทรวงเกษตรแก้ปัญหาเชิงระบบ หลังจากมีแนวทางให้ยกเลิก ใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด