จากกรณีที่เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ พร้อมภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมและประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ เคลื่อนไหวคัดค้านการปล่อยโคมไฟเวลากลางคืนในเทศกาลลอยกระทงและเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยเห็นว่าเป็นการบิดเบือนวัฒนธรรมประเพณี รวมทั้งเกิดความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้และกระทบการขึ้นลงของเครื่องบิน รวมทั้งก่อให้เกิดปัญหาขยะจากซากโคมไฟ โดยยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 16 ส.ค.62 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่พิจารณาทบทวน
หลังการยื่นหนังสือส่งผลให้มีการยกเลิกจัดงานปล่อยโคมไฟทำสถิติโลกในช่วงลอยกระทงหรือยี่เป็งที่ห้วยตึงเฒ่า แต่ยังมีอีกหลายงานที่ยังมีกำหนดจะจัดงานปล่อยโคมไฟเช่นเดิมอีกหลายจุด
อย่างไรก็ตามกลุ่มที่สนับสนุนด้านการท่อองเที่ยวมองว่า ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคัดค้านเป็นการทำลายการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่

เสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่
วันที่ 27 ต.ค. นางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ กลุ่มที่คัดค้านการปล่อยโคม เปิดเผยว่า หลังยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เพื่อคัดค้านและเสนอแนะเกี่ยวกับเรื่องการปล่อยโคมไฟในเทศกาลลอยกระทงหรือยี่เป็ง แม้ว่าจะส่งผลให้มีการยกเลิกการจัดกิจกรรมดังกล่าวในบางจุดที่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่ อย่างไรก็ตามปรากฏว่ายังคงมีการเตรียมจัดกิจกรรมดังกล่าวอีกหลายจุด โดยทางเอกชนใช้วิธีเลี่ยงไปเช่าสถานที่จัดงานในพื้นที่รอบนอกใกล้เคียงเมืองเชียงใหม่แทน
ทั้งนี้เห็นว่ายังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายและก่อปัญหาเหมือนเดิม เพราะโคมไฟที่ถูกปล่อยขึ้นไปนั้นไร้ทิศทางและไม่สามารถควบคุมได้ โดยหวังว่าทางจังหวัดเชียงใหม่ที่มีการออกกฎระเบียบต่างๆ มาควบคุมเกี่ยวกับการอนุญาตให้ปล่อยโคมไฟ จะมีความการติดตามให้มีการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวดจริงจัง ให้เหมือนกับการขออนุญาตบินโดรนที่กฎระเบียบบังคับเกี่ยวกับการให้อนุญาตอย่างเข้มงวด ขณะที่ชาวบ้านคงได้แต่เฝ้าระวังและหวาดผวาในช่วงที่มีการปล่อยโคมไฟ พร้อมกับหวังว่าจะไม่เกิดอันตรายหรือความเสียหายใดๆ ขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สิน
นางเสาวคนธ์ ยืนยันด้วยว่า กรณีมีข่าวว่าเครือข่ายรับเงินจากเอกชนจีนขัดขวางการจัดกิจกรรมนี้ของผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย เพื่อให้ทางจีนจัดงานเองนั้น ไม่ขอใส่ใจกระแสดังกล่าว ทางเครือข่ายฯ เคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องการปล่อยโคมไฟมาตลอด 8 ปี มีจุดยืนคัดค้านการจัดกิจกรรมนี้ทั้งหมดไม่ว่าใครจะเป็นผู้จัด เพราะเห็นว่าไม่เหมาะสมและเป็นอันตราย
“ขอเรียกร้องให้หยุดอ้างหรือหยิบยกผลประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจมาเป็นเหตุผลในการจัดกิจกรรมนี้เสียที เพราะต่างทราบกันดีว่าเป็นการบิดเบือนวัฒนธรรมประเพณีเพื่อสร้างจุดขายเท่านั้น และผลประโยชน์ตกอยู่กับคนบางกลุ่มที่ไม่ใช่คนท้องถิ่น แต่คนท้องถิ่นต้องมารับผลกระทบ ทั้งนี้อยากให้มีการจัดประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อวางกติกาและมาตรการร่วมกันไม่เกิดปัญหาซ้ำซากทุกปีและเป็นความขัดแย้งไปตลอด”