16 พ.ย. “ชัยวัฒน์” เตรียมพาลูกน้องสาบานบนสะพานแขวนแก่งกระจาน

ชัยวัฒน์ เปิดใจหลังศาลให้ประกันตัวพร้อมลูกน้องอีก 3 คน ยืนยันปล่อยตัวบิลลี่แล้ว มองเป็นการจัดฉาก ประกาศเดินหน้าชนไม่กลัวใครพร้อมให้ข้อมูลสื่อ นัดเสาร์ที่ 16 พ.ย. สาบานบนสะพานแขวนแก่งกระจานไม่ได้ฆ่าบิลลี่

วันที่ 12 พ.ย. นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ให้สัมภาษณ์หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว คดีการเสียชีวิตของนายบิลลี่ ชาวกะเหรี่ยง จ.เพชรบุรี ว่า ต้องขอบคุณด้วยที่ศาลให้ประกัน เพราะจริงๆแล้วมีการคัดค้านหลายประเด็นจากดีเอสไอ ท่านก็ยังเมตตา เราตั้งใจว่าวงเงินคนละ 500,000 บาท แต่สรุปเป็น 800,000 บาท ขอบคุณสื่อบางสาขาที่รวมเงินให้เราประกันพอ จริงๆ แล้วเงินไม่พอก็มีสื่อช่วยรวมเงินประกันให้เรา

วันนี้เราออกมาเป็นวันแรก ที่เราอยากให้เป็นตั้งแต่แรกที่มีข่าว ตั้งแต่การค้นของดีเอสไอ เราก็กังวลมาเยอะแล้วเพราะมันโฟกัสมาที่เรา วันนี้เราอยากให้เป็นขบวนการเริ่มต้นวันแรก แล้วก็คงจะฝากขังทั้งหมด 7-8 ผัด ยังมีเวลาที่พนักงานสอบสวนคงทำสำนวนและรวบรวมเอกสาร เมื่อครบ 8 ผัดก็จะขึ้นศาลตามลำดับมีการสั่งฟ้อง ก็ว่าไปตามกระบวนการ

“ส่วนไหนที่ผมพูดได้ผมจะเริ่มพูดตั้งแต่วันนี้อันนี้ที่ยังต้องเก็บเป็นข้อมูลในการสู้ในชั้นศาลก็ต้องเก็บไว้ก่อน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลกับพยานหลักฐานที่ดีเอสไอจะนำมาต่อสู้คดีหรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า เรายืนมาตั้งแต่วันแรกแล้ว ลองดูน้องๆอีก 3 คนผู้พิทักษ์ป่า เรายกเขาลงจากรถ เราปล่อยเขาลงจากรถแล้ววันนี้มาบอกว่าเรากักขังหน่วงเหนี่ยวจนโยงไปจนถึงเจอเศษกะโหลกส่วนสำคัญมันเหมือน…

ตนไม่กังวลกับหลักฐานที่ดีเอสไอมีเลยแต่ต้องตีให้แตก ตีโจทย์แต่ละชิ้นว่าเขามีโจทย์อะไรบ้าง ในสำนวนที่ฟ้องมาตนได้อ่านในห้องไต่สวนวันนี้เหมือนเล่าเป็นสตอรี่ เล่าโยงตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่รู้จนโยงมาทำได้ อ่านแล้วก็เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เห็นว่าสิ่งที่กำลังทำกันอยู่ต้องชัดเจนว่าหลักฐานเท็จหรือไม่เท็จ

“ผมยืนยันอยู่แล้วว่าผมปล่อยตัวบิลลี่ ผมยังบอกด้วยซ้ำว่าผมจำได้ว่าผมจะตบเขาด้วยซ้ำเพราะเขาให้น้ำผึ้งผม 5 ขวด ผมบอกเมิงมาติดสินบนกูอีก กูปล่อยเมิงยังมาติดสินบน ผมยังจำคำพูดนี้อยู่ได้เลย เด็กๆทุกคนยกจากรถฝนตก เปียก ทุกคนยังรู้ด้วยซ้ำยกอะไรลง อะไรลง ยังจำนาทีนั้นได้อยู่เลย แล้ววันนี้มาบอกว่าผมควบคุมตัวเขาอยู่ โยงไปถึงพบกะโหลกแล้วเขาตาย กะโหลกนั้นเป็นของใครดีกว่าผมถามตรงๆ เอาอย่างนี้แล้วกันเศษชิ้นส่วนนั้นพิสูจน์ให้ได้สิว่าเป็นของใคร”

ผู้สื่อถามอีกว่า มีเกมอะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่ นายชัยวัฒน์ ตอบว่า “มันชัดอยู่แล้ว ทุกคนเห็นผมทำงาน ผมถามเคยเห็นผมไปรีดไถใครไหม ผมเคยไปรับตังค์ใครไหม แล้วที่ผมจับคดีใหญ่ๆ ทั้งนั้น คดีที่มันเกี่ยวข้องกับใครบ้างล่ะก็ต้องว่ากันให้ชัดถูกไหม วันนี้ต้องพูดกันตรงๆ เลยว่า ผมจับใครบ้างแล้วคดีใหญ่ๆ มีใครบ้าง หรือระดับสูงๆ ที่มันมีเอี่ยวอยู่ มันอาจจะเป็น สุดท้ายมันอาจจะมาลงเอยที่ผม แล้วไม่มีผมสักคนทรัพยากรมันก็มีคนช่วงชิงไปได้เยอะ”

เชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง?

นายชัยวัฒน์: ก็ตั้งแต่เริ่มต้นบิลลี่หายเพราะอะไร บิลลี่ถูกปล่อยวันที่ 17 วันที่ 18 19 มีคนจองกฐินผมแล้ว บิลลี่หายไป วันที่ 19 มีแผ่นซีดีขาย มีกำไลของบิลลี่ขาย ผมถามว่า 19 มีขายกันแล้ว แล้วหายไปเพื่ออะไร ต้องย้อนรอยไปต้อง ย้อนรอยไปถามตรงนั้นว่า วันนั้นเขามีขายจริงไหม ก็ย้อนไปเรื่อยๆ ผมเปิดอยู่แล้ว ต่อไปนี้จะถามอะไรผม ผมมีเวทีเปิดให้นักข่าวทุกช่อง ผมไม่ต้องกลัวใครแล้วต่อไปนี้ แล้วผมจะเปิดหน้าฉากชนทุกคน คนที่เอาหลักฐานเท็จมาต่อจิ๊กซอว์ จนถึงโยงมาใกล้ตัวผมที่สุด

สะพานแขวน คุณลองคิดดูว่าใคร เดี๋ยวผมจะพาพี่น้อง คนแก่งกระจานและพี่น้องของผู้พิทักษ์ป่าทุกคนไปสาบาน ผมว่าน่าจะนัดกันวันเสาร์นี้ (16 พ.ย. 2562) จะไปสาบาน ผมจะบอกว่า ใครทำ ขอให้มันเป็นอย่างไร ถ้าผมไม่ได้ทำ ใครกระทำเกิดขึ้นมา ใครไปวางของไว้ ขอให้มันมีอันเป็นไปเช่นเดียวกัน

มองว่าจัดฉากมาที่เราพอดี?

ชัยวัฒน์: คุณลองคิดดู 5 ปี 1 2 3 4 5 วัน 1 2 3 4 5 อาทิตย์ 1 2 3 4 5 เดือน ในช่วงนั้นผมถูกย้าย แล้วผมถูกไต่สวนชั้นศาล พวกผมไม่มีอำนาจที่อยู่ตรงนั้นเลย แต่สืบสวนแล้วผมปล่อย ศาลก็บอกถ้านายชัยวัฒน์ควบคุมอยู่ ผมจะให้เขาติดคุกในวันนั้นเลย แต่ไม่มีใครคิดได้เลยว่านายชัยวัฒน์ควบคุมตัว ขณะที่ศาลตัดสินชั้นต้น อุทธรณ์และฎีกา ทั้งสามศาลไปแล้ววันนั้นพิสูจน์แล้วว่าผมไม่ได้ควบคุมตัวเขา แต่วันนี้ 5 ปี อยู่ดีๆมาดีเอสไอจับคดีปั๊บ 5 เดือน 6 เดือน รู้หมดเลย ผมอยากให้รู้ ผมอยากให้กลับไปถามดีกว่าว่าใครคนชี้ ว่าเจอเศษกะโหลกตรงนั้น เพราะถ้าชี้ตรงนั้นได้ต้องรู้วา่าใครคนฆ่า ถังใครคนทิ้ง งมเจอ เศษกะโหลกที่เจอตรงนั้นมันต้องมีคนรู้ 1 คน ถูกไหม เอาง่ายๆ ถ้าตรงนั้นมีเศษกะโหลก ต้องมีคนเจอ มีเจอก็ต้องมีคนเห็น มีคนเห็นก็ต้องรู้ว่าใครคนฆ่าใครคนเผาใครคนทำอะไรยังไง แต่วันนี้ผมอยากให้รู้ว่าพยานคนนั้นจะชี้มาได้เลยว่าใครคนฆ่า

“พยานตรงนั้น อย่างที่พี่เกษมได้พูดสอบ 7 ครั้ง 5 ครั้ง สอบครั้งละ 3 ชั่วโมง 7 ชั่วโมง สอบถึงขนาดว่า พูดถึงว่า กูจะสอบให้เมิงโดดตึกตาย จากเห็นหน้าชัดเจนไหม คุณเห็นหรือเปล่าว่านี่บิลลี่ ขับรถยนต์มา ฝนตกหนัก คุณเห็นหน้าเหรอ เห็นตาเหรอ คุณเห็นหน้าตาชัดทุกกระเบียดเลยเหรอ ใครจะเห็นล่ะ ก็เห็นแค่รู้ว่าเป็นมอเตอร์ไซต์ ก็รู้ลักษณะคันนี้น่าจะใช่แค่นั้นเอง ถามว่ากลับคำให้การไหม มันไม่ได้กลับคำให้การ มันก็เหมือนคุณบีบจนให้เขาบอกว่า ไม่เห็นก็ได้ ประมาณนั้นแต่ผมก็ยังยืนยันจะใช่หรือไม่ใช่ แต่ลักษณะที่ว่าเราเป็นคนปล่อย คุณจะเห็นหรือไม่เห็นผมไม่ได้สนใจคุณอยู่แล้ว แต่ทุกคนปล่อยตรงนั้น แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงถูกไหมครับ”

ดีเอสไอเข้าค้นบ้านไร่ชัยราชพฤกษ์

ชัยวัฒน์: ผมไม่รู้หรอกครับ ก็รู้ตอนเช้าตอนที่เข้าไปดีเอสไอ ผมก็ถามว่าตามสบายท่านทำอะไรก็ไม่ได้บอกผมอยู่แล้ว ยังไม่รู้เรื่องว่าเขาตรวจค้นแล้วเจออะไรบ้าง เรายินดีอยู่แล้วอย่าเอาจักรยาน มอเตอร์ไซค์ไปโยนอย่างเดียวแหล่ะ ผมไม่มีปัญหา โปรยข่าวมาก่อนแล้วว่า ชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์ถูกตัด ชิ้นส่วนย่อย ย่อย ย่อย ไอ้ย่อย ย่อย ย่อย ผมกลัวจะเอาไปโยนในบ้านผมเท่านั้นเอง อย่างนี้ทำกันมา ลองไปอ่านแถลงข่าวของดีเอสไอดูแต่ละตอนแต่ละฉากที่อ่านมามันเหมือนขว้างหินถามทางตลอด แล้วจะเจอหรือไม่เจอๆ

“ผมคงไม่เปิดว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่ผมจะเล่าขั้นตอนว่ามันเกิดเรื่องนี้ได้ยังไง แล้วเขาทำมาเพื่ออะไร แล้วผมทำไปเนี่ยมันเกิดอะไรต่อแผ่นดินบ้าง แล้วผมทำได้ประโยชน์อะไรกับผมบ้าง ผมต่อสู้มาวันนี้ได้ประโยชน์อะไรกับผมบ้าง ผมไม่ได้อะไรเลยนะ อ้างว่าผมบุกรุกป่า บุกรุกอย่างโน่นอย่างนี้ มีสร้างบ้านใหญ่โต ไปดูสิครับว่าคนอยู่คือใคร ครอบครัวผมไม่มีตังค์สักบาทที่จะสร้างอะไรเลยเหรอ

ผมไปทำอะไรกับแผ่นดิน แล้ววันนี้ถึงเวลาปั๊บเนี่ย ก็ต้องดูนะว่าผมทำมาทุกวันนี้ ผมพิทักษ์ป่าทุกคน ยืนสู้กันแบบไม่กลัวอะไรแล้วด้วยความที่รู้สึกว่าสื่อก็เห็นว่าเราได้คืนผืนป่ากันมา…แต่คนบางคนว่าเราทำไปเหยียบเท้าคนอื่น เราไปเหยียบทรัพย์สินของคนอื่นมันก็เลยโดนคดีนี้มันก็ไม่เป็นไร ผมเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมวันนี้เริ่มต้น ผมก็จะเปิดหน้าชน ไม่สนแล้วว่าเป็นใคร

ก็ยังดีใจที่ผู้บริหารของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยังให้โอกาส บอกว่ากระบวนการมี 3 ศาล ชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกา ก็ยังสู้กันอยู่ ผมก็ยังทำหน้าที่นี้อยู่ก็บอกแล้วว่าถ้าผมยังอยู่ ก็ดูกัน ว่าถ้าให้โอกาสผมทำงานที่ดีกว่านี้ ที่มีโอกาสจับกุมไอ้พวกมีอิทธิพลได้ ผมยังสู้นะ และผมจะชำแหละแต่ละคนให้ดูว่า แต่ละคนมีแผลอยู่ข้างหลังขนาดไหนวันนี้เขาจะสอยผมให้ร่วงแค่นั้นเอง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเขียนทุกเรื่อง

เรียนสื่อขอร้อง เรื่องดราม่าเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวอะไรต่างๆ ผม บอน แทน ทูน มีครอบครัวมีลูกเหมือนกันการไปฆ่าคน ไปทำคน หั่นศพใส่ถัง สำนวนวันนี้หั่นศพใส่ถังแล้วเผาเดี๋ยวไปสาบานกัน ไอ้คนทำก็บอกแล้วว่าเลวสุดๆ ไอ้คนเขียนบทนี้มาก็เลวไม่ใช่ย่อยผมบอกไว้ให้ ถามว่าผมน้อยใจไหมผมน้อยใจ ผมน้อยใจนะผมต่อสู้มายืนยันมาตลอด ผมไม่เคยได้อะไรเลยประโยชน์จากที่ผมทำเลยสักชิ้นเดียว ผมไม่เคยได้เลย แผ่นดินสักชิ้นผมก็ไม่เคยได้ เงินสักบาทผมก็ไม่เคยได้มาแต่วันทำกับผม

ผมเรียนสื่อเลยว่าอันไหนที่เขียนจริงเป็นจริงเขียนเถอะ ถ้าคุณไม่เอาสิ่งที่ว่าทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรที่ยังคงอยู่ให้เหลืออยู่ ไม่มีผมก็ยังมีพญาเสืออยู่ น้องๆ ก็ยังรักอยู่ ไม่จำเป็นต้องมีผมก็ได้ แต่คุณอย่าทำให้กำลังใจคนที่อยู่ต่อไปเสียกำลังใจ เพราะคนที่กำลังทำอยู่ทุกวันนี้ เขาดูผมเป็นแบบอยู่ว่าผมจะรอดหรือไม่รอด ถ้าผมไม่รอดเขาก็ไม่สู้อยู่แล้ว ปู้ยี่ปู้ยำจนเละหมดแล้ว อยากให้มองเห็นอนาคตป่า สัตว๋ป่าดีกว่า ส่วนตัวผมเองผมก็สู้ไม่เลือกหน้าอยู่แล้ว”