SHARE

คัดลอกแล้ว

เปิดภาพห้องสาวสาธารณสุข อึ้งพบข้าวของทิ้งไว้รกรุงรังเต็มห้องแทบไม่มีที่เดิน เผยผู้มีพฤติกรรมเช่นนี้อาจเป็นโรคทางจิต คือโรคสะสมของ (Hoarding Disorder)

วันที่ 26 พ.ย.2562  เพจชมรมพนักงานกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดระยอง เผยภาพห้องเช่าสาวทำงานสาธารณสุขคนหนึ่งไม่ทราบสังกัดในเขตจังหวัดระยอง เช่าห้องอยู่แล้วย้ายออกไป ทิ้งสภาพห้องที่เจ้าของต้องกุมขมับ เผยจริงๆ แล้วอาการแบบนี้มันเป็นโรคทางจิตชนิดนึง เค้าเรียกว่า “โรคสะสมของ” (Hoarding Disorder) คนที่ป่วยโรคนี้จะมีอาการอยากที่จะเก็บของทุกอย่างไว้ ตัดใจทิ้งอะไรไม่ลงแม้กระทั่งขยะ เลยโยนไว้
จนมันพอกกลายเป็นแบบที่เห็น ญาติพี่น้องใครมีอาการลักษณะนี้ พาไปพบจิตแพทย์ได้ เพราะถ้าปล่อยแบบนี้ต่อไปพวกความสกปรกนี้มันจะบ่มเพาะเชื้อโรค ทำให้ป่วยได้ง่ายๆ เลย
https://www.facebook.com/ministryemployee/posts/976060136083675

 

สำหรับโรคชอบสะสมของ ผศ.พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า โรคชอบเก็บสะสมสิ่งของหรือที่เรียกว่า Hoarding Disorder เป็นโรคที่ผู้ป่วยจะรู้สึกอยากเก็บของทุกอย่างเอาไว้ ไม่สามารถตัดใจทิ้งสิ่งไหนลงได้เลย โดยแรงจูงใจที่ทำให้อยากเก็บของนั้นไว้คือคิดว่าของเหล่านั้นยังมีประโยชน์ที่สามารถเก็บไว้ใช้งานในอนาคตได้

ผู้ป่วยโรคนี้จะมีปัญหาในเรื่องของการแยกกลุ่งสิ่งของออกจากกัน บางสิ่งเก็บมาปนกันไม่มีหมวดหมู่ จนรกบ้านหรือกินพื้นที่ใช้สอยในบ้านไปหมด ไม่มีที่นั่ง ที่เดิน ที่นอน หรือไม่มีเหลือพื้นที่ไว้ใช้สอยอื่นๆ เลยเพราะมีของอยู่เต็มพื้นที่ไปหมด จนกระทั่งรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของตนเองและคนในครอบครัว บางครั้งส่งกลิ่นเหม็นที่ทำให้เกิดปัญหาไปยังบ้านข้างๆ อีกด้วย

สาเหตุของโรคปัจจุบันมีงานวิจัยเกี่ยวกับโรคนี้น้อยมาก แต่พบปัจจัยที่ทำให้เกิดบางประการ ได้แก่ โรคทางพันธุกรรม เนื่องจากร้อยละ 50 ของคนที่เป็นโรคพบว่าคนในครอบครัวก็เป็นโรคนี้ด้วย และอีกหนึ่งปัจจัยคือความบกพร่องทางสมองบางส่วน โดยตอนนี้ยังอยู่ในขั้นของการทำวิจัย สำหรับสิ่งของที่ผู้ป่วยเลือกเก็บ ก็จะเป็นสิ่งของทั่วไปไม่ได้มีค่าหรือมีราคาอะไร เช่น หนังสือ นิตยสาร เสื้อผ้า ขวดพลาสติก ขวดน้ำ ถุงพลาสติก เป็นต้น

โดยทั่วไปผู้ที่เป็นโรคนี้จะเริ่มมีอาการมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นแต่อาการจะแสดงชัดเจนเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป เพราะในช่วงวัย 30 ปี ข้าวของเครื่องใช้จะเยอะขึ้น และเริ่มแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยไม่ยอมทิ้งอะไรเลย โดยจะเก็บเอาไว้จนรกบ้าน ตรงข้ามกับคนทั่วไปที่ส่วนใหญ่ในวัยนี้จะเริ่มแยกแยะของเพื่อทิ้งและเพื่อเก็บ แต่ผู้ที่ป่วยจะตัดใจทิ้งสิ่งของได้ยาก เพราะคิดว่าของเหล่านั้นยังมีประโยชน์ต่อตนเองอยู่

ผลกระทบของโรคนี้คือ ส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง เพราะการเก็บหมักหมมสิ่งของเอาไว้ อาจก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคได้ ต่อมาก็ยังส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุภายในบ้านได้ง่ายอีกด้วย อาจเกิดร่วมกับอาการทางจิตอื่นๆ ได้แก่ โรคซึมเศร้า โรคย้ำคิดย้ำทำ โรควิตกกังวล หรือโรคกลัวการเข้าสังคม เป็นต้น

สามารถรักษาได้ด้วยยาที่จะช่วยปรับสารเคมีในสมองเกี่ยวกับวิธีคิด และสามารถรักษาได้ด้วยการบำบัด พฤติกรรมและความคิด เนื่องจากผู้ป่วยจะมีปัญหาในเรื่องของการแยกประเภท ก็ต้องปรับความคิดใหม่เพื่อทำความเข้าใจกับผู้ป่วย อาจเป็นการให้เหตุผลและอื่นๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ป่วยยอมตัดใจทิ้งข้าวของที่ไม่จำเป็น เริ่มจากให้ผู้ป่วยลำดับความสำคัญของสิ่งของเพื่อแยกประเภทออกจากกัน อันไหนทิ้งอันไหนควรเก็บต่อไป ที่สำคัญคนรอบข้างต้องใช้ความเข้าใจอย่างมาก เนื่องจากผู้ป่วยมีความผิดปกติทางความคิด การทิ้งข้าวของที่ไม่จำเป็นแล้วเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับคนทั่วไป แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับผู้ป่วยที่คนรอบข้างควรทำความเข้าใจและคอยให้กำลังใจหรืออธิบายด้วยเหตุผล

อ้างอิงข้อมูลจาก รายการพบหมอรามา ช่วง Big Story “โรคชอบสะสมสิ่งของ” 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า