“ของมันต้องมี” ทำคน GEN Y ติดกับดักหนี้พุ่ง ใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้น 112%

Photo by Gyorgy Bakos on Unsplash

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB พบพฤติกรรมคน GEN Y กลัวตกกระแส จนใช้จ่ายเพื่อ “ของมันต้องมี” เกือบปีละ 1 แสนบาทต่อคน คิดเป็น 1.37 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 112% แม้ต้องเป็นหนี้ และผ่อนชำระดอกเบี้ย

เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2562 ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB (TMB Analytics) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) รายงานการผลการศึกษาพฤติกรรมการเงินจากข้อมูลโซเชียลมีเดียของคนกลุ่มเจนวาย (Generation Y) คือ กลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 23 – 38 ปี พบว่า  คนส่วนใหญ่ฝันอยากมีบ้านและรถยนต์เป็นของตัวเองก่อนอายุ 40 ปี และเมื่อเริ่มทำงาน ตั้งเป้าหมายมีเงินเก็บ 6 ล้านบาท แต่จะออมเงินเฉลี่ยเพียงเดือนละ 5,500 บาท

นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร TMB Analytics กล่าวว่า คน GEN Y ส่วนใหญ่ใช้จ่ายไปกับทัศนคติว่า “ของมันต้องมี” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อโทรศัพท์ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋า นาฬิกาหรือเครื่องประดับ กว่า 69% ขณะที่ รายการซื้อบ้านซื้อรถตามความฝัน กลับมีสัดส่วนลดลงรวมทั้งสัดส่วนเงินออมไม่ถึง 10% คิดเป็นรายจ่ายของมันต้องมี 95,000 บาท เมื่อเทียบกับรายได้ต่อปี 370,000 บาท ต่อปี คิดเป็น 1 ใน 4 ของรายได้ต่อปี โดยรายจ่าย “ของมันต้องมี” ของ GEN Y ปี 2560 เพิ่มขึ้น 112% เมื่อเทียบกับปี 2551 หรือมากกว่า 1.37 ล้านล้านบาท ซึ่งเทียบกับ 8 เท่าตัว ของมูลค่ารถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน หรือ 91%ของมูลค่าการลงทุนในอีอีซี 5 ปี

นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร TMB Analytics

ผลสำรวจยังพบว่า คน GEN Y ส่วนใหญ่ซื้อสินค้าเหล่านั้น เพราะกลัวตกกระแส 42%  มากกว่า มองว่า เป็นของจำเป็น 37% แถมเงินที่ใช้ซื้อ มาจากการกู้ธนาคาร โดยใช้บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ซึ่งมากกว่า 70% ของ GEN Y ผ่อนชำระสินค้าและบริการ แบบเสียดอกเบี้ย

ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า คน GEN Y มีการกู้เงิน 7.2 ล้านคน คิดเป็น 50% ของประชากร GEN Y มีภาระหนี้เฉลี่ยคนละ 432,000 บาท  ในจำนวนนี้เป็นหนี้เสีย 1.4 ล้านคน  เป็นหนี้เสีย 7.1% ของสินเชื่อทั้งหมดที่มีการผิดนัดชำระ

ทั้งนี้ หากเจาะลึกพฤติกรรมการเงิน และทัศนคติ ของ GEN Y พบว่า คน GEN Y มากกว่า 6.8 ล้านคน ให้ความสำคัญกับ การใช้จ่าย “ของมันต้องมี” มากกว่า “เงินเก็บ” เพราะเมื่อเงินเดือนออก คน GEN Y 60% นำไปชำระหนี้และซื้อของก่อนเก็บออม อีกทั้งยังเก็บเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์ในสัดส่วนที่สูงซึ่งตรงข้าม กับ คน GEN Y ที่มีพฤติกรรม “ของมันต้องมี” แต่เก็บเงินได้ มักวางแผนการเงิน ผ่านบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง ลงทุนในหุ้น หรือ ตราสารเงินอื่น ๆ

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB จึงแนะนำให้ คน GEN Y ลดพฤติกรรมของมันต้องมี ไม่เกิน 50% ควบคู่กับการวางแผนบริหารเงินออม คาดว่า จะช่วยให้มีเงินสะสมเพิ่มขึ้น ปีละ 430,000 บาท และอาจช่วยให้มีความสามารถซื้อทรัพย์สินตามที่ฝันไว้ ในระยะ 10-30 ปี เมื่อเทียบกับพฤติกรรมเดิม อาจใช้เวลามากกว่า 90 ปี